ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ลิกเตนสไตน์ การนำเข้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของการนำเข้าใน ลิกเตนสไตน์ อยู่ที่ 380 ล้าน CHF การนำเข้าใน ลิกเตนสไตน์ เพิ่มขึ้นเป็น 380 ล้าน CHF เมื่อ 1/3/2567 หลังจากที่มันอยู่ที่ 372 ล้าน CHF เมื่อ 1/12/2566 ตั้งแต่ 1/12/2515 ถึง 1/6/2567 GDP เฉลี่ยใน ลิกเตนสไตน์ อยู่ที่ 471.15 ล้าน CHF มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถูกทำได้เมื่อ 1/12/2533 โดยมีมูลค่า 983.32 ล้าน CHF ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อ 1/12/2515 โดยมีมูลค่า 149.53 ล้าน CHF
การนำเข้า ·
แม็กซ์
นำเข้า | |
---|---|
1/12/2515 | 149.53 ล้าน CHF |
1/12/2523 | 438.78 ล้าน CHF |
1/12/2533 | 983.32 ล้าน CHF |
1/12/2534 | 898.28 ล้าน CHF |
1/3/2552 | 461.15 ล้าน CHF |
1/6/2552 | 455.55 ล้าน CHF |
1/9/2552 | 507.73 ล้าน CHF |
1/12/2552 | 498.43 ล้าน CHF |
1/3/2553 | 448.7 ล้าน CHF |
1/6/2553 | 481.14 ล้าน CHF |
1/9/2553 | 487.32 ล้าน CHF |
1/12/2553 | 460.94 ล้าน CHF |
1/3/2554 | 444.96 ล้าน CHF |
1/6/2554 | 541.3 ล้าน CHF |
1/9/2554 | 463.23 ล้าน CHF |
1/12/2554 | 471.24 ล้าน CHF |
1/3/2555 | 451.04 ล้าน CHF |
1/6/2555 | 483.2 ล้าน CHF |
1/9/2555 | 461.82 ล้าน CHF |
1/12/2555 | 455.12 ล้าน CHF |
1/3/2556 | 439.62 ล้าน CHF |
1/6/2556 | 474.8 ล้าน CHF |
1/9/2556 | 479.79 ล้าน CHF |
1/12/2556 | 489.09 ล้าน CHF |
1/3/2557 | 494.57 ล้าน CHF |
1/6/2557 | 509.97 ล้าน CHF |
1/9/2557 | 501.97 ล้าน CHF |
1/12/2557 | 516.09 ล้าน CHF |
1/3/2558 | 490.07 ล้าน CHF |
1/6/2558 | 463.19 ล้าน CHF |
1/9/2558 | 460.56 ล้าน CHF |
1/12/2558 | 501.81 ล้าน CHF |
1/3/2559 | 464.97 ล้าน CHF |
1/6/2559 | 529.97 ล้าน CHF |
1/9/2559 | 484.91 ล้าน CHF |
1/12/2559 | 500.42 ล้าน CHF |
1/3/2560 | 468.22 ล้าน CHF |
1/6/2560 | 479.51 ล้าน CHF |
1/9/2560 | 531.14 ล้าน CHF |
1/12/2560 | 522.82 ล้าน CHF |
1/3/2561 | 499.67 ล้าน CHF |
1/6/2561 | 510.33 ล้าน CHF |
1/9/2561 | 470.34 ล้าน CHF |
1/12/2561 | 533.16 ล้าน CHF |
1/3/2562 | 459 ล้าน CHF |
1/6/2562 | 457 ล้าน CHF |
1/9/2562 | 460 ล้าน CHF |
1/12/2562 | 454 ล้าน CHF |
1/3/2563 | 418 ล้าน CHF |
1/6/2563 | 350 ล้าน CHF |
1/9/2563 | 401 ล้าน CHF |
1/12/2563 | 413 ล้าน CHF |
1/3/2564 | 456 ล้าน CHF |
1/6/2564 | 457 ล้าน CHF |
1/9/2564 | 418 ล้าน CHF |
1/12/2564 | 422 ล้าน CHF |
1/3/2565 | 415 ล้าน CHF |
1/6/2565 | 466 ล้าน CHF |
1/9/2565 | 426 ล้าน CHF |
1/12/2565 | 444 ล้าน CHF |
1/3/2566 | 408 ล้าน CHF |
1/6/2566 | 374 ล้าน CHF |
1/9/2566 | 390 ล้าน CHF |
1/12/2566 | 372 ล้าน CHF |
1/3/2567 | 380 ล้าน CHF |
การนำเข้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/3/2567 | 380 ล้าน CHF |
1/12/2566 | 372 ล้าน CHF |
1/9/2566 | 390 ล้าน CHF |
1/6/2566 | 374 ล้าน CHF |
1/3/2566 | 408 ล้าน CHF |
1/12/2565 | 444 ล้าน CHF |
1/9/2565 | 426 ล้าน CHF |
1/6/2565 | 466 ล้าน CHF |
1/3/2565 | 415 ล้าน CHF |
1/12/2564 | 422 ล้าน CHF |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ การนำเข้า
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇱🇮 ยอดการค้า | 421 ล้าน CHF | 428 ล้าน CHF | ควอร์เตอร์ |
🇱🇮 ส่งออก | 786 ล้าน CHF | 800 ล้าน CHF | ควอร์เตอร์ |
การนำเข้าของประเทศลิกเตนสไตน์ลดลงร้อยละ 1.8 เหลือ 1.98 พันล้านฟรังก์สวิสในปี 2019 ซึ่งถือเป็นปีแรกที่การซื้อลดลงหลังจากที่เคยลดลงร้อยละ 6.1 ในปี 2015 สินค้านำเข้าหลักได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ (ร้อยละ 25 ของการนำเข้าทั้งหมด), เครื่องจักร, เครื่องมือและอิเล็กทรอนิกส์ (ร้อยละ 24), เครื่องมือที่ใช้ความแม่นยำ, นาฬิกาและเครื่องประดับ (ร้อยละ 10), ยานยนต์ (ร้อยละ 7), หินและดิน (ร้อยละ 6), ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและป่าไม้, การประมงและผลิตภัณฑ์ยาและเคมีภัณฑ์ (ร้อยละ 5 ต่อประเภท) ประเทศคู่ค้านำเข้าหลักของลิกเตนสไตน์ ได้แก่ เยอรมนี (ร้อยละ 36 ของการนำเข้าทั้งหมด), ออสเตรีย (ร้อยละ 24), จีนและสหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 7 ต่อประเทศ), อิตาลี (ร้อยละ 4) และสหราชอาณาจักรและฮังการี (ร้อยละ 2 ต่อประเทศ)
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร การนำเข้า
การนำเข้า การนำเข้าถือเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งของเศรษฐกิจมหภาค และเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีผลกระทบสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในระดับประเทศ การนำเข้าหมายถึงการที่ประเทศหนึ่งมีการซื้อสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการผลิตหรือจำหน่ายต่อ การนำเข้ามีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากสามารถเติมเต็มความต้องการของตลาดภายในประเทศที่ขาดแคลน หรือไม่ได้ผลิตขึ้นในประเทศนั้นๆ การนำเข้ามีผลกระทบที่หลายหลายต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งในทางบวกและทางลบ ทางด้านบวก การนำเข้าสามารถช่วยให้ประชาชนมีการเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีส่วนช่วยในการยกระดับมาตรฐานการครองชีพ เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยให้การผลิตของประเทศเกิดการพัฒนาและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ ในทางกลับกัน การนำเข้าก็อาจมีผลกระทบทางลบ เช่น การทำให้เกิดการเสริมสร้างภาระทางการเงินภายนอกของประเทศมากขึ้น หรือส่งผลกระทบให้เกิดการขาดดุลทางการค้า สินค้าภายในประเทศอาจไม่ได้รับการสนับสนุนหรือได้รับการพัฒนาที่เพียงพอหากพึ่งพาการนำเข้ามากเกินไป สำหรับประเทศไทย สินค้านำเข้ามีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทุน (capital goods) ที่ใช้ในการผลิต อุปกรณ์เทคโนโลยี เครื่องจักรต่างๆ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค (consumer goods) เช่นอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าแฟชั่น และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ การนำเข้าเหล่านี้สามารถช่วยยกระดับมาตรฐานของการผลิตในประเทศได้ การนำเข้ายังสามารถชี้วัดถึงสุขภาพของเศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อระดับการนำเข้าสูงมากๆ อาจบ่งบอกถึงการที่ภาคธุรกิจต้องการขยายการผลิต ซึ่งจะใช้วัตถุดิบนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิต อย่างไรก็ตาม ก็อาจต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ร่วมด้วย เช่น ภาวะทางการเงินภายนอก ค่าเงิน อัตราภาษีศุลกากร และนโยบายการค้าต่างประเทศ ที่ eulerpool เว็บไซต์ของเรามุ่งมั่นในการจัดเตรียมข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ครอบคลุมและแม่นยำที่สุด เพื่อที่จะช่วยให้นักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ นักวิจัย หรือผู้ที่สนใจในข้อมูลด้านเศรษฐกิจสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจ เว็บไซต์ของเราจะมีการอัปเดตข้อมูลการนำเข้าของประเทศไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งในแง่มูลค่าการนำเข้า ปริมาณการนำเข้า และประเภทสินค้านำเข้า ในปัจจุบัน ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างประเทศต่างๆ ได้ทำให้การนำเข้าเป็นปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้ การเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่ง สามารถส่งผลกระทบต่อการนำเข้าของประเทศอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว การเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มของการนำเข้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ตัวอย่างหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาษีศุลกากร ซึ่งสามารถส่งผลต่อปริมาณสินค้าที่นำเข้าได้โดยตรง การที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการนำเข้าในบางภาคส่วนหรือสินค้าบางประเภทโดยเฉพาะก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนนั้น การนำเข้ายังมีบทบาทสำคัญในด้านของการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ ประเทศที่ยังมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างไม่เต็มที่อาจต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบ เทคโนโลยี หรือเครื่องจักรจากต่างประเทศ การนำเข้าเหล่านี้จะช่วยให้กระบวนการผลิตภายในประเทศเติบโตมากขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ สำหรับประเทศไทย การนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสินค้าส่งออกที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจโลกและความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศก็มีผลกระทบต่อการนำเข้าเช่นกัน การเกิดสงครามการค้า หรือการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของประเทศคู่ค้า อาจทำให้การนำเข้าสินค้าจากประเทศนั้นๆ ประสบปัญหา สิ่งนี้ทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนต้องมีการวางแผนและพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศใดประเทศหนึ่ง การทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความยั่งยืนในระยะยาวจำเป็นต้องมีการจัดการและควบคุมการนำเข้าอย่างมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการผลิตของประเทศและเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ สรุปแล้ว การนำเข้าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินเศรษฐกิจของประเทศ สามารถสร้างโอกาสในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการผลิตภายในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการนำเข้าและการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ eulerpool ของเรายังคงยึดมั่นในการจัดเตรียมข้อมูลที่มีคุณภาพและทันสมัย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์และสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจได้ต่อไป