ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ลิกเตนสไตน์ ดุลการค้า
ราคา
มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ลิกเตนสไตน์ คือ 421 ล้าน CHF ดุลการค้าใน ลิกเตนสไตน์ ลดลงไปที่ 421 ล้าน CHF ในวันที่ 1/3/2567 หลังจากที่เป็น 428 ล้าน CHF ในวันที่ 1/12/2566 ตั้งแต่ 1/3/2552 ถึง 1/3/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน ลิกเตนสไตน์ คือ 364.11 ล้าน CHF จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 1/3/2564 ด้วยค่า 462 ล้าน CHF ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/6/2563 ด้วยค่า 188 ล้าน CHF
ดุลการค้า ·
แม็กซ์
ยอดการค้า | |
---|---|
1/3/2552 | 244.86 ล้าน CHF |
1/6/2552 | 259.08 ล้าน CHF |
1/9/2552 | 282.19 ล้าน CHF |
1/12/2552 | 368.4 ล้าน CHF |
1/3/2553 | 355.12 ล้าน CHF |
1/6/2553 | 344.07 ล้าน CHF |
1/9/2553 | 339.02 ล้าน CHF |
1/12/2553 | 402.61 ล้าน CHF |
1/3/2554 | 393.44 ล้าน CHF |
1/6/2554 | 282.59 ล้าน CHF |
1/9/2554 | 330.74 ล้าน CHF |
1/12/2554 | 383.11 ล้าน CHF |
1/3/2555 | 375.24 ล้าน CHF |
1/6/2555 | 337.47 ล้าน CHF |
1/9/2555 | 383.28 ล้าน CHF |
1/12/2555 | 420.63 ล้าน CHF |
1/3/2556 | 347.68 ล้าน CHF |
1/6/2556 | 380.38 ล้าน CHF |
1/9/2556 | 343.26 ล้าน CHF |
1/12/2556 | 407.66 ล้าน CHF |
1/3/2557 | 353.96 ล้าน CHF |
1/6/2557 | 349.69 ล้าน CHF |
1/9/2557 | 342.69 ล้าน CHF |
1/12/2557 | 383.71 ล้าน CHF |
1/3/2558 | 282.2 ล้าน CHF |
1/6/2558 | 343.64 ล้าน CHF |
1/9/2558 | 316.83 ล้าน CHF |
1/12/2558 | 358.47 ล้าน CHF |
1/3/2559 | 375.47 ล้าน CHF |
1/6/2559 | 327.22 ล้าน CHF |
1/9/2559 | 327.53 ล้าน CHF |
1/12/2559 | 344.71 ล้าน CHF |
1/3/2560 | 380.79 ล้าน CHF |
1/6/2560 | 324.93 ล้าน CHF |
1/9/2560 | 287.86 ล้าน CHF |
1/12/2560 | 376.81 ล้าน CHF |
1/3/2561 | 448.27 ล้าน CHF |
1/6/2561 | 376.76 ล้าน CHF |
1/9/2561 | 447.81 ล้าน CHF |
1/12/2561 | 369.74 ล้าน CHF |
1/3/2562 | 383 ล้าน CHF |
1/6/2562 | 399 ล้าน CHF |
1/9/2562 | 359 ล้าน CHF |
1/12/2562 | 429 ล้าน CHF |
1/3/2563 | 357 ล้าน CHF |
1/6/2563 | 188 ล้าน CHF |
1/9/2563 | 333 ล้าน CHF |
1/12/2563 | 382 ล้าน CHF |
1/3/2564 | 462 ล้าน CHF |
1/6/2564 | 458 ล้าน CHF |
1/9/2564 | 432 ล้าน CHF |
1/12/2564 | 392 ล้าน CHF |
1/3/2565 | 387 ล้าน CHF |
1/6/2565 | 348 ล้าน CHF |
1/9/2565 | 366 ล้าน CHF |
1/12/2565 | 380 ล้าน CHF |
1/3/2566 | 439 ล้าน CHF |
1/6/2566 | 414 ล้าน CHF |
1/9/2566 | 354 ล้าน CHF |
1/12/2566 | 428 ล้าน CHF |
1/3/2567 | 421 ล้าน CHF |
ดุลการค้า ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/3/2567 | 421 ล้าน CHF |
1/12/2566 | 428 ล้าน CHF |
1/9/2566 | 354 ล้าน CHF |
1/6/2566 | 414 ล้าน CHF |
1/3/2566 | 439 ล้าน CHF |
1/12/2565 | 380 ล้าน CHF |
1/9/2565 | 366 ล้าน CHF |
1/6/2565 | 348 ล้าน CHF |
1/3/2565 | 387 ล้าน CHF |
1/12/2564 | 392 ล้าน CHF |
ในปี 2019 เกินดุลการค้าของลิกเตนสไตน์เพิ่มขึ้นเป็น 1.72 พันล้านฟรังก์สวิส จาก 1.64 พันล้านฟรังก์สวิสในปี 2018 เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดในรอบกว่าสิบปี ขณะที่การนำเข้าลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี ประเทศที่มีเกินดุลการค้ามากที่สุดได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อิหร่าน เม็กซิโก สิงคโปร์ เยอรมนี และรัสเซีย ขณะที่ประเทศที่มีขาดดุลการค้ามากที่สุดได้แก่ ออสเตรีย ฟิลิปปินส์ เซอร์เบีย และโครเอเชีย
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร ดุลการค้า
ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว