ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇱🇻

ลัตเวีย ดุลการค้า

ราคา

2.277 ล้าน EUR
การเปลี่ยนแปลง +/-
-9.106 ล้าน EUR
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
-133.33 %

มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน ลัตเวีย คือ 2.277 ล้าน EUR ดุลการค้าใน ลัตเวีย ลดลงไปที่ 2.277 ล้าน EUR ในวันที่ 1/6/2537 หลังจากที่เป็น 11.383 ล้าน EUR ในวันที่ 1/11/2536 ตั้งแต่ 1/1/2536 ถึง 1/4/2567 ค่าเฉลี่ย GDP ใน ลัตเวีย คือ -188.1 ล้าน EUR จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 1/1/2567 ด้วยค่า 61.56 ล้าน EUR ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกในวันที่ 1/12/2565 ด้วยค่า -641.97 ล้าน EUR

แหล่งที่มา: Central Statistical Bureau of Latvia

ดุลการค้า

  • แม็กซ์

ยอดการค้า

ดุลการค้า ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/6/25372.277 ล้าน EUR
1/11/253611.383 ล้าน EUR
1/10/25366.972 ล้าน EUR
1/9/253616.221 ล้าน EUR
1/8/25361.138 ล้าน EUR
1/7/253617.217 ล้าน EUR
1/6/253612.806 ล้าน EUR
1/4/253614.371 ล้าน EUR
1/3/253620.916 ล้าน EUR
1/2/253640.125 ล้าน EUR
1
2

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇱🇻
กระแสเงินทุน
-45 ล้าน EUR763 ล้าน EURควอร์เตอร์
🇱🇻
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ
-31 ล้าน EUR-188 ล้าน EURรายเดือน
🇱🇻
ดัชนีการก่อการร้าย
0 Points0 Pointsประจำปี
🇱🇻
ทองคำสำรอง
6.66 Tonnes6.66 Tonnesควอร์เตอร์
🇱🇻
นำเข้า
1.794 ล้านล้าน EUR1.785 ล้านล้าน EURรายเดือน
🇱🇻
นำเข้าก๊าซธรรมชาติ
9,422.228 Terajoule6,188.58 Terajouleรายเดือน
🇱🇻
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด
-155 ล้าน EUR-94 ล้าน EURรายเดือน
🇱🇻
ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้า
138,660 105,699 รายเดือน
🇱🇻
ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
-4 % of GDP-4.8 % of GDPประจำปี
🇱🇻
ส่งออก
1.394 ล้านล้าน EUR1.52 ล้านล้าน EURรายเดือน
🇱🇻
หนี้สาธารณะต่างประเทศต่อจีดีพี
100 % of GDP98 % of GDPควอร์เตอร์
🇱🇻
หนี้สินต่างประเทศ
40.837 ล้านล้าน EUR39.728 ล้านล้าน EURควอร์เตอร์

ลัตเวียส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้และไม้ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เหล็กกล้าและเหล็ก สิ่งทอ และอาหาร คู่ค้าหลักในการส่งออกของลัตเวียได้แก่ ลิทัวเนีย รัสเซีย เอสโตเนีย เยอรมนี และสวีเดน ส่วนการนำเข้าของลัตเวียประกอบด้วยเครื่องจักรและอุปกรณ์ เคมีภัณฑ์ เชื้อเพลิง และยานพาหนะ คู่ค้าหลักในการนำเข้าของลัตเวียได้แก่ ลิทัวเนีย เยอรมนี รัสเซีย โปแลนด์ และเอสโตเนีย

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร ดุลการค้า

ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว