ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร อิสราเอล การใช้จ่ายของรัฐบาล
ราคา
ในปัจจุบันค่าของการใช้จ่ายของรัฐบาลในอิสราเอลคือ98.079 ล้านล้านILS การใช้จ่ายของรัฐบาลในอิสราเอลเพิ่มขึ้นเป็น98.079 ล้านล้านILSเมื่อ1/12/2566หลังจากที่มันคือ84.224 ล้านล้านILSเมื่อ1/9/2566 จาก1/3/2538ถึง1/3/2567 GDP เฉลี่ยในอิสราเอลคือ57.75 ล้านล้านILS มูลค่าสูงสุดที่เคยอยู่ในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นเมื่อ1/3/2567ที่มีมูลค่า99.92 ล้านล้านILS ในขณะที่ค่าต่ำสุดเคยถูกบันทึกไว้เมื่อ1/9/2538ที่มีมูลค่า39.48 ล้านล้านILS
การใช้จ่ายของรัฐบาล ·
แม็กซ์
รัฐบาลใช้จ่าย | |
---|---|
1/3/2538 | 39.68 ล้านล้าน ILS |
1/6/2538 | 40.1 ล้านล้าน ILS |
1/9/2538 | 39.48 ล้านล้าน ILS |
1/12/2538 | 40.03 ล้านล้าน ILS |
1/3/2539 | 40.48 ล้านล้าน ILS |
1/6/2539 | 41.1 ล้านล้าน ILS |
1/9/2539 | 41.75 ล้านล้าน ILS |
1/12/2539 | 42.09 ล้านล้าน ILS |
1/3/2540 | 42.29 ล้านล้าน ILS |
1/6/2540 | 42.34 ล้านล้าน ILS |
1/9/2540 | 42.52 ล้านล้าน ILS |
1/12/2540 | 42.54 ล้านล้าน ILS |
1/3/2541 | 42.81 ล้านล้าน ILS |
1/6/2541 | 43.15 ล้านล้าน ILS |
1/9/2541 | 43.53 ล้านล้าน ILS |
1/12/2541 | 43.27 ล้านล้าน ILS |
1/3/2542 | 43.36 ล้านล้าน ILS |
1/6/2542 | 44.02 ล้านล้าน ILS |
1/9/2542 | 44.42 ล้านล้าน ILS |
1/12/2542 | 44.84 ล้านล้าน ILS |
1/3/2543 | 44.86 ล้านล้าน ILS |
1/6/2543 | 44.59 ล้านล้าน ILS |
1/9/2543 | 44.67 ล้านล้าน ILS |
1/12/2543 | 45.35 ล้านล้าน ILS |
1/3/2544 | 45.82 ล้านล้าน ILS |
1/6/2544 | 46.07 ล้านล้าน ILS |
1/9/2544 | 46.06 ล้านล้าน ILS |
1/12/2544 | 47.94 ล้านล้าน ILS |
1/3/2545 | 47.91 ล้านล้าน ILS |
1/6/2545 | 48.35 ล้านล้าน ILS |
1/9/2545 | 48.66 ล้านล้าน ILS |
1/12/2545 | 48.75 ล้านล้าน ILS |
1/3/2546 | 48.26 ล้านล้าน ILS |
1/6/2546 | 47.32 ล้านล้าน ILS |
1/9/2546 | 47.56 ล้านล้าน ILS |
1/12/2546 | 46.96 ล้านล้าน ILS |
1/3/2547 | 47.03 ล้านล้าน ILS |
1/6/2547 | 47.4 ล้านล้าน ILS |
1/9/2547 | 47.1 ล้านล้าน ILS |
1/12/2547 | 47 ล้านล้าน ILS |
1/3/2548 | 47.43 ล้านล้าน ILS |
1/6/2548 | 47.78 ล้านล้าน ILS |
1/9/2548 | 48.05 ล้านล้าน ILS |
1/12/2548 | 48.48 ล้านล้าน ILS |
1/3/2549 | 47.92 ล้านล้าน ILS |
1/6/2549 | 48.45 ล้านล้าน ILS |
1/9/2549 | 49.52 ล้านล้าน ILS |
1/12/2549 | 49.76 ล้านล้าน ILS |
1/3/2550 | 49.82 ล้านล้าน ILS |
1/6/2550 | 51.1 ล้านล้าน ILS |
1/9/2550 | 51.01 ล้านล้าน ILS |
1/12/2550 | 50.89 ล้านล้าน ILS |
1/3/2551 | 51.68 ล้านล้าน ILS |
1/6/2551 | 51.28 ล้านล้าน ILS |
1/9/2551 | 51.31 ล้านล้าน ILS |
1/12/2551 | 51.76 ล้านล้าน ILS |
1/3/2552 | 52.63 ล้านล้าน ILS |
1/6/2552 | 53.35 ล้านล้าน ILS |
1/9/2552 | 54 ล้านล้าน ILS |
1/12/2552 | 54.18 ล้านล้าน ILS |
1/3/2553 | 54.44 ล้านล้าน ILS |
1/6/2553 | 54.53 ล้านล้าน ILS |
1/9/2553 | 54.84 ล้านล้าน ILS |
1/12/2553 | 55.56 ล้านล้าน ILS |
1/3/2554 | 56.02 ล้านล้าน ILS |
1/6/2554 | 56.39 ล้านล้าน ILS |
1/9/2554 | 56.99 ล้านล้าน ILS |
1/12/2554 | 57.2 ล้านล้าน ILS |
1/3/2555 | 57.21 ล้านล้าน ILS |
1/6/2555 | 58.22 ล้านล้าน ILS |
1/9/2555 | 58.24 ล้านล้าน ILS |
1/12/2555 | 59.44 ล้านล้าน ILS |
1/3/2556 | 59.74 ล้านล้าน ILS |
1/6/2556 | 60.48 ล้านล้าน ILS |
1/9/2556 | 61.08 ล้านล้าน ILS |
1/12/2556 | 61.09 ล้านล้าน ILS |
1/3/2557 | 61.81 ล้านล้าน ILS |
1/6/2557 | 61.6 ล้านล้าน ILS |
1/9/2557 | 64.01 ล้านล้าน ILS |
1/12/2557 | 64.03 ล้านล้าน ILS |
1/3/2558 | 64.21 ล้านล้าน ILS |
1/6/2558 | 63.87 ล้านล้าน ILS |
1/9/2558 | 64.59 ล้านล้าน ILS |
1/12/2558 | 65.67 ล้านล้าน ILS |
1/3/2559 | 66.14 ล้านล้าน ILS |
1/6/2559 | 67.5 ล้านล้าน ILS |
1/9/2559 | 67.8 ล้านล้าน ILS |
1/12/2559 | 68.32 ล้านล้าน ILS |
1/3/2560 | 69.07 ล้านล้าน ILS |
1/6/2560 | 69.66 ล้านล้าน ILS |
1/9/2560 | 69.42 ล้านล้าน ILS |
1/12/2560 | 71.42 ล้านล้าน ILS |
1/3/2561 | 72.49 ล้านล้าน ILS |
1/6/2561 | 71.55 ล้านล้าน ILS |
1/9/2561 | 72.94 ล้านล้าน ILS |
1/12/2561 | 73.28 ล้านล้าน ILS |
1/3/2562 | 73.66 ล้านล้าน ILS |
1/6/2562 | 74.64 ล้านล้าน ILS |
1/9/2562 | 75.18 ล้านล้าน ILS |
1/12/2562 | 75.1 ล้านล้าน ILS |
1/3/2563 | 72.98 ล้านล้าน ILS |
1/6/2563 | 74.99 ล้านล้าน ILS |
1/9/2563 | 77.58 ล้านล้าน ILS |
1/12/2563 | 79.15 ล้านล้าน ILS |
1/3/2564 | 77.88 ล้านล้าน ILS |
1/6/2564 | 80.22 ล้านล้าน ILS |
1/9/2564 | 80.53 ล้านล้าน ILS |
1/12/2564 | 82.56 ล้านล้าน ILS |
1/3/2565 | 80.6 ล้านล้าน ILS |
1/6/2565 | 80.47 ล้านล้าน ILS |
1/9/2565 | 81.03 ล้านล้าน ILS |
1/12/2565 | 80.82 ล้านล้าน ILS |
1/3/2566 | 81.89 ล้านล้าน ILS |
1/6/2566 | 82.64 ล้านล้าน ILS |
1/9/2566 | 84.22 ล้านล้าน ILS |
1/12/2566 | 98.08 ล้านล้าน ILS |
การใช้จ่ายของรัฐบาล ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/12/2566 | 98.079 ล้านล้าน ILS |
1/9/2566 | 84.224 ล้านล้าน ILS |
1/6/2566 | 82.644 ล้านล้าน ILS |
1/3/2566 | 81.888 ล้านล้าน ILS |
1/12/2565 | 80.816 ล้านล้าน ILS |
1/9/2565 | 81.028 ล้านล้าน ILS |
1/6/2565 | 80.471 ล้านล้าน ILS |
1/3/2565 | 80.596 ล้านล้าน ILS |
1/12/2564 | 82.564 ล้านล้าน ILS |
1/9/2564 | 80.53 ล้านล้าน ILS |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ การใช้จ่ายของรัฐบาล
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇮🇱 การใช้จ่ายทางทหาร | 27.499 ล้านล้าน USD | 23.406 ล้านล้าน USD | ประจำปี |
🇮🇱 ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลต่อ GDP | 39.1 % of GDP | 42.3 % of GDP | ประจำปี |
🇮🇱 งบประมาณของรัฐ | -4.2 % of GDP | 0.6 % of GDP | ประจำปี |
🇮🇱 ดัชนีการทุจริต | 62 Points | 63 Points | ประจำปี |
🇮🇱 มูลค่าของงบประมาณรัฐบาล | -11.7 ล้านล้าน ILS | -15.003 ล้านล้าน ILS | รายเดือน |
🇮🇱 รัฐบาลใช้จ่าย | 482 ล้านล้าน ILS | 56.488 ล้านล้าน ILS | รายเดือน |
🇮🇱 รายได้ของรัฐ | 365 ล้านล้าน ILS | 41.518 ล้านล้าน ILS | รายเดือน |
🇮🇱 หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ | 60.7 % of GDP | 67.9 % of GDP | ประจำปี |
🇮🇱 อันดับคอร์รัปชั่น | 33 | 31 | ประจำปี |
การใช้จ่ายของรัฐบาลหมายถึงการใช้จ่ายของรัฐในสินค้าและบริการ และเป็นองค์ประกอบหลักของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) นโยบายการใช้จ่ายของรัฐบาล เช่น การตั้งเป้าหมายงบประมาณ การปรับภาษี การเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล และงานสาธารณะ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากในการส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน เอเชีย
- 🇨🇳ประเทศจีน
- 🇮🇳อินเดีย
- 🇮🇩อินโดนีเซีย
- 🇯🇵ญี่ปุ่น
- 🇸🇦ซาอุดิอาระเบีย
- 🇸🇬สิงคโปร์
- 🇰🇷เกาหลีใต้
- 🇹🇷ตุรกี
- 🇦🇫อัฟกานิสถาน
- 🇦🇲อาร์เมเนีย
- 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
- 🇧🇭บาห์เรน
- 🇧🇩บังกลาเทศ
- 🇧🇹ภูฏาน
- 🇧🇳บรูไน
- 🇰🇭กัมพูชา
- 🇹🇱ติมอร์-เลสเต
- 🇬🇪จอร์เจีย
- 🇭🇰ฮ่องกง
- 🇮🇷อิหร่าน
- 🇮🇶อิรัก
- 🇯🇴จอร์แดน
- 🇰🇿คาซัคสถาน
- 🇰🇼คูเวต
- 🇰🇬คีร์กีซสถาน
- 🇱🇦ลาว
- 🇱🇧เลบานอน
- 🇲🇴มาเก๊า
- 🇲🇾มาเลเซีย
- 🇲🇻มัลดีฟส์
- 🇲🇳มองโกเลีย
- 🇲🇲พม่า
- 🇳🇵เนปาล
- 🇰🇵เกาหลีเหนือ
- 🇴🇲โอมาน
- 🇵🇰ปากีสถาน
- 🇵🇸ปาเลสไตน์
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์
- 🇶🇦กาตาร์
- 🇱🇰ศรีลังกา
- 🇸🇾ซีเรีย
- 🇹🇼ไต้หวัน
- 🇹🇯ทาจิกิสถาน
- 🇹🇭ไทย
- 🇹🇲ตุรกี
- 🇦🇪สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- 🇺🇿อุซเบกิสถาน
- 🇻🇳เวียดนาม
- 🇾🇪เยเมน
คืออะไร การใช้จ่ายของรัฐบาล
การใช้จ่ายของรัฐบาล: ภาพรวมทางเศรษฐศาสตร์มหภาค เว็บไซต์ Eulerpool เป็นแหล่งข้อมูลเชิงลึกทางเศรษฐศาสตร์มหภาคที่เตรียมความรู้และข้อมูลการวิเคราะห์ที่แม่นยำสำหรับผู้เยี่ยมชมทุกระดับ ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจที่ซับซ้อน สิ่งที่สำคัญมากคือการมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้จ่ายของรัฐบาล ที่ผ่านมา การใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญที่สุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจและควบคุมสภาวะเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ การใช้จ่ายของรัฐบาล หมายถึง เงินที่รัฐบาลทำการใช้ในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างสาธารณูปโภค การสนับสนุนสาธารณสุข การศึกษา การวิจัยและพัฒนา รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังหรือการใช้เงินทุนสำรอง หนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการใช้จ่ายของรัฐบาลคือรายได้ของรัฐบาล ซึ่งหลักๆ มาจากการเก็บภาษี การขายสินทรัพย์รัฐบาล และการกู้ยืมเงิน เมื่อรัฐบาลมีรายได้มาก รัฐบาลสามารถใช้จ่ายมากขึ้น เช่นกัน เมื่อมีสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การกู้ยืมเงินก็เป็นวิธีหนึ่งที่รัฐบาลใช้เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายในภาคส่วนต่างๆ ในภาพรวมทางเศรษฐศาสตร์มหภาค การใช้จ่ายของรัฐบาลมีผลกระทบที่กว้างขวางและซับซ้อนในหลายด้าน ด้านหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพการผลิต (productivity) ของประเทศ การใช้จ่ายในโครงการโครงสร้างพื้นฐานเช่น ถนน ทางด่วน สะพาน หรือสนามบิน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าและลดต้นทุน ทำให้เกิดการเจริญเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ การใช้จ่ายในด้านการศึกษาและการฝึกอบรมยังเป็นการลงทุนที่ยั่งยืนในทุนมนุษย์ ทำให้ประชากรมีความสามารถมากขึ้น ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและการผลิตของภาคแรงงานในอนาคต การเพิ่มการลงทุนในด้านสาธารณสุขก็จะเป็นการลดต้นทุนทางสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว เนื่องจากผลสุขภาพของประชากรดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายที่มากเกินไปยังทำให้เกิดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจได้เช่นเดียวกัน หากรัฐบาลใช้จ่ายเกินกว่าปริมาณที่ควรจะเป็น อาจทำให้เกิดการขาดดุลงบประมาณ (budget deficits) ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและระดับหนี้สาธารณะ อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลคือ การใช้จ่ายของรัฐบาลยังส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ เมื่อรัฐบาลใช้จ่ายมากขึ้น ความต้องการสินค้าหรือบริการต่างๆ จะเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาอาจปรับตัวสูงขึ้น มีผลทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นได้ การควบคุมและจัดการการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการควบคุมเงินเฟ้อ นโยบายการคลัง (fiscal policy) เป็นเครื่องมือหนึ่งที่รัฐบาลใช้ในการควบคุมการใช้จ่าย การบริหารนโยบายการคลังที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนได้ รัฐบาลสามารถเพิ่มหรือลดภาษี ปรับเปลี่ยนระดับของการใช้จ่ายในการลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อปรับปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจตามความจำเป็นในสถานการณ์ที่ต่างกัน องค์กรทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) หรือ ธนาคารโลก (World Bank) มักมีคำแนะนำในด้านการใช้จ่ายของรัฐบาลและนโยบายการคลัง เพื่อให้ประเทศต่างๆ มีการบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ในยุคปัจจุบัน การใช้จ่ายของรัฐบาลไม่ได้มาแค่ในรูปแบบของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหรือการให้บริการสาธารณะเพียงอย่างเดียว การวิจัยและพัฒนาในด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ และการสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อการนวัตกรรมยังเป็นสิ่งที่รัฐบาลมองเห็นความสำคัญเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต นอกจากนี้ ความตื่นตัวต่อสิ่งแวดล้อมยังเป็นเรื่องที่รัฐบาลหลายประเทศให้ความสำคัญ การลงทุนในโครงการพลังงานสะอาดหรือการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว (green economy) เป็นแนวทางหนึ่งที่รัฐบาลหลายประเทศสนใจทำ แม้ว่าการใช้จ่ายของรัฐบาลจะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การมีการใช้จ่ายอย่างเป็นระบบและมียุทธศาสตร์เป็นสิ่งที่จำเป็น ถ้ารัฐบาลใช้จ่ายเงินไม่ดีพอ การเงินของประเทศอาจเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤติ การศึกษาและความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยและผลกระทบของการใช้จ่ายของรัฐบาลจะทำให้สามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ในสรุป การใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารเศรษฐกิจมหภาค มีผลกระทบทั้งในด้านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพการผลิต ระดับชีวิตของประชาชน ตลอดจนความคุมค่าของเงินเฟ้อ การมีข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยเป็นสิ่งจำเป็นในการวิเคราะห์และวางแผน ซึ่งทางเว็บไซต์ Eulerpool เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณมีความรู้และเครื่องมือในการประเมินและติดตามการใช้จ่ายของรัฐบาลอย่างมืออาชีพ