ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร อิตาลี การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง
ราคา
ค่าสินค้าคงคลังในปัจจุบันของการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง ใน อิตาลี อยู่ที่ 3.754 ล้านล้าน EUR การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังใน อิตาลี เพิ่มขึ้นเป็น 3.754 ล้านล้าน EUR เมื่อวันที่ 1/3/2566 หลังจากที่มันอยู่ที่ 1.146 ล้านล้าน EUR เมื่อวันที่ 1/12/2565 ตั้งแต่ 1/3/2534 ถึง 1/6/2567 GDP เฉลี่ยใน อิตาลี อยู่ที่ 874.85 ล้าน EUR ค่าสูงสุดตลอดกาลถูกทำได้เมื่อวันที่ 1/3/2565 ด้วย 7.9 ล้านล้าน EUR ในขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อวันที่ 1/3/2567 ด้วย -8.99 ล้านล้าน EUR
การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง ·
แม็กซ์
การเปลี่ยนแปลงของสินค้าคงเหลือ | |
---|---|
1/3/2534 | 1.73 ล้านล้าน EUR |
1/6/2534 | 1.31 ล้านล้าน EUR |
1/12/2534 | 484.8 ล้าน EUR |
1/3/2535 | 1.56 ล้านล้าน EUR |
1/9/2535 | 1.08 ล้านล้าน EUR |
1/3/2536 | 907.2 ล้าน EUR |
1/6/2536 | 750.5 ล้าน EUR |
1/9/2536 | 242.3 ล้าน EUR |
1/3/2537 | 1.99 ล้านล้าน EUR |
1/6/2537 | 1.61 ล้านล้าน EUR |
1/9/2537 | 1.27 ล้านล้าน EUR |
1/12/2537 | 2.68 ล้านล้าน EUR |
1/3/2538 | 1.68 ล้านล้าน EUR |
1/6/2538 | 270.2 ล้าน EUR |
1/9/2538 | 673.9 ล้าน EUR |
1/12/2538 | 2.01 ล้านล้าน EUR |
1/3/2539 | 1.41 ล้านล้าน EUR |
1/9/2539 | 176.2 ล้าน EUR |
1/12/2539 | 466.9 ล้าน EUR |
1/3/2540 | 465.7 ล้าน EUR |
1/6/2540 | 958 ล้าน EUR |
1/9/2540 | 664.6 ล้าน EUR |
1/12/2540 | 2.56 ล้านล้าน EUR |
1/3/2541 | 978.8 ล้าน EUR |
1/6/2541 | 598.3 ล้าน EUR |
1/9/2541 | 351.3 ล้าน EUR |
1/12/2541 | 272.3 ล้าน EUR |
1/3/2542 | 1.59 ล้านล้าน EUR |
1/9/2542 | 116.7 ล้าน EUR |
1/12/2542 | 1.52 ล้านล้าน EUR |
1/6/2543 | 887.2 ล้าน EUR |
1/9/2543 | 489.9 ล้าน EUR |
1/12/2543 | 3.16 ล้านล้าน EUR |
1/3/2544 | 245.1 ล้าน EUR |
1/9/2544 | 1.65 ล้านล้าน EUR |
1/6/2545 | 2.12 ล้านล้าน EUR |
1/12/2545 | 635.4 ล้าน EUR |
1/3/2546 | 2.18 ล้านล้าน EUR |
1/6/2546 | 2.19 ล้านล้าน EUR |
1/12/2546 | 1.21 ล้านล้าน EUR |
1/3/2547 | 1.09 ล้านล้าน EUR |
1/6/2547 | 304.1 ล้าน EUR |
1/9/2547 | 363.3 ล้าน EUR |
1/12/2547 | 1.36 ล้านล้าน EUR |
1/6/2548 | 233.1 ล้าน EUR |
1/6/2549 | 1.29 ล้านล้าน EUR |
1/9/2549 | 3.53 ล้านล้าน EUR |
1/12/2549 | 2.24 ล้านล้าน EUR |
1/3/2550 | 1.9 ล้านล้าน EUR |
1/6/2550 | 1.74 ล้านล้าน EUR |
1/9/2550 | 2.84 ล้านล้าน EUR |
1/12/2550 | 2.29 ล้านล้าน EUR |
1/3/2551 | 3.67 ล้านล้าน EUR |
1/6/2551 | 3.48 ล้านล้าน EUR |
1/9/2551 | 1.8 ล้านล้าน EUR |
1/3/2553 | 845.1 ล้าน EUR |
1/6/2553 | 933.4 ล้าน EUR |
1/9/2553 | 452.9 ล้าน EUR |
1/12/2553 | 5.02 ล้านล้าน EUR |
1/3/2554 | 5.09 ล้านล้าน EUR |
1/6/2554 | 3.91 ล้านล้าน EUR |
1/9/2554 | 2.62 ล้านล้าน EUR |
1/3/2555 | 718.6 ล้าน EUR |
1/12/2556 | 421.3 ล้าน EUR |
1/3/2557 | 1.29 ล้านล้าน EUR |
1/6/2557 | 3.11 ล้านล้าน EUR |
1/9/2557 | 2.27 ล้านล้าน EUR |
1/3/2558 | 1.17 ล้านล้าน EUR |
1/9/2558 | 493.9 ล้าน EUR |
1/12/2558 | 251.7 ล้าน EUR |
1/3/2559 | 1.49 ล้านล้าน EUR |
1/6/2559 | 2.07 ล้านล้าน EUR |
1/9/2559 | 1.89 ล้านล้าน EUR |
1/12/2559 | 2.39 ล้านล้าน EUR |
1/3/2560 | 1.6 ล้านล้าน EUR |
1/6/2560 | 4.09 ล้านล้าน EUR |
1/9/2560 | 2.17 ล้านล้าน EUR |
1/12/2560 | 3.43 ล้านล้าน EUR |
1/3/2561 | 2.79 ล้านล้าน EUR |
1/6/2561 | 3.32 ล้านล้าน EUR |
1/9/2561 | 1.61 ล้านล้าน EUR |
1/12/2561 | 3.75 ล้านล้าน EUR |
1/3/2562 | 945.5 ล้าน EUR |
1/6/2562 | 757.8 ล้าน EUR |
1/9/2562 | 1.93 ล้านล้าน EUR |
1/3/2563 | 1.34 ล้านล้าน EUR |
1/6/2563 | 2.88 ล้านล้าน EUR |
1/3/2564 | 7.12 ล้านล้าน EUR |
1/6/2564 | 422.2 ล้าน EUR |
1/9/2564 | 79.4 ล้าน EUR |
1/12/2564 | 5.61 ล้านล้าน EUR |
1/3/2565 | 7.9 ล้านล้าน EUR |
1/6/2565 | 6.44 ล้านล้าน EUR |
1/9/2565 | 5.6 ล้านล้าน EUR |
1/12/2565 | 1.15 ล้านล้าน EUR |
1/3/2566 | 3.75 ล้านล้าน EUR |
การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/3/2566 | 3.754 ล้านล้าน EUR |
1/12/2565 | 1.146 ล้านล้าน EUR |
1/9/2565 | 5.603 ล้านล้าน EUR |
1/6/2565 | 6.444 ล้านล้าน EUR |
1/3/2565 | 7.896 ล้านล้าน EUR |
1/12/2564 | 5.608 ล้านล้าน EUR |
1/9/2564 | 79.4 ล้าน EUR |
1/6/2564 | 422.2 ล้าน EUR |
1/3/2564 | 7.124 ล้านล้าน EUR |
1/6/2563 | 2.877 ล้านล้าน EUR |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇮🇹 Composite PMI | 49.7 points | 50.8 points | รายเดือน |
🇮🇹 การจดทะเบียนรถยนต์ | 121,666 Units | 69,121 Units | รายเดือน |
🇮🇹 การผลิตในภาคการผลิต | -3.907 % | -2.969 % | รายเดือน |
🇮🇹 การผลิตไฟฟ้า | 23,784 Gigawatt-hour | 27,034 Gigawatt-hour | รายเดือน |
🇮🇹 การผลิตเหมืองแร่ | -5.876 % | -0.675 % | รายเดือน |
🇮🇹 การผลิตอุตสาหกรรม | -3.3 % | -2.6 % | รายเดือน |
🇮🇹 การผลิตอุตสาหกรรมเดือนต่อเดือน | -0.9 % | 0.5 % | รายเดือน |
🇮🇹 การล้มละลาย | 1,991 Companies | 1,889 Companies | ควอร์เตอร์ |
🇮🇹 การอนุมัติรถยนต์ไฟฟ้า | 13,365 Units | 5,052 Units | รายเดือน |
🇮🇹 ตัวชี้วัดเชิง복합แสดงสัญญาณล่วงหน้า | 99.435 points | 99.315 points | รายเดือน |
🇮🇹 บริการ PMI | 50.5 points | 51.4 points | รายเดือน |
🇮🇹 ผลิตภัณฑ์ PMI | 48.3 points | 49.4 points | รายเดือน |
🇮🇹 ยอดการจดทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น YoY | 4.7 % | 15 % | รายเดือน |
🇮🇹 ยอดขายการผลิต | -0.1 % | -0.5 % | รายเดือน |
🇮🇹 ราคาสปอตของไฟฟ้า | 113.58 EUR/MWh | 110.9 EUR/MWh | frequency_null |
🇮🇹 สภาวะธุรกิจ | 86.7 points | 87 points | รายเดือน |
🇮🇹 อัตราการใช้กำลังการผลิต | 78 % | 75.5 % | ควอร์เตอร์ |
ในอิตาลี การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังมักเป็นตัวบ่งชี้ชั้นนำที่สำคัญสำหรับภาพรวมของประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง
การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง: การวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคที่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เปรียบเสมือนการมองดูภาพรวมเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับระบบเศรษฐกิจทั้งหมดของประเทศ การศึกษาว่าเหตุใดสินค้าคงคลังถึงมีการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่มาตามมาดูเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจไม่ค่อยนึกถึง แต่จริง ๆ แล้วมันมีศักยภาพในการเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการทำนายและวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจมหภาคได้อย่างชัดเจน สินค้าคงคลังหมายถึงสินค้าที่ผลิตขึ้นแล้วแต่ยังไม่ถูกขาย ซึ่งรวมถึงสินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบ และงานระหว่างการผลิต การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังสามารถบ่งบอกถึงความคาดหวังของผู้ผลิตต่อความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต โดยการสงวนสินค้าจะเป็นการสะท้อนถึงการขึ้ดหวังว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งการวิเคาะห์การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังนี้มีความสัมพันธ์กันกับส่วนต่าง ๆ ของระบบเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้ง ประการที่หนึ่ง การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เมื่อผู้ผลิตเพิ่มการผลิตและเพิ่มสำรองสินค้าคงคลังในระยะเวลาที่เศรษฐกิจยังไม่ได้เติบโตมากนัก แสดงถึงความเชื่อว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้เรามองเห็นการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมและการจ้างงานในระยะยาว ขณะเดียวกัน หากผู้ผลิตลดการผลิตและลดสินค้าคงคลังลง นั่นอาจบ่งบอกถึงการขาดแคลนความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าการเล่นลดลง นอกจากการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังยังสามารถมีผลต่อเสถียรภาพทางการเงิน หากสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคลดลง อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า 'สินค้าล้นตลาด' ซึ่งย่อมทำให้ผู้ผลิตปรับลดการผลิต เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดการและการเก็บสำรองสินค้าคงคลังที่มากเกินไป ในสถานการณ์นี้ เศรษฐกิจอาจเผชิญกับการเติบโตชะลอตัวและการจ้างงานลดลง อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสามารถใช้การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังเป็นหนึ่งในปัจจัยในการวิเคราะห์และตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน หากการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังบ่งบอกถึงเงื่อนไขที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การลดลงของความต้องการ ทางธนาคารกลางอาจพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยหรือนโยบายอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ คุณลักษณะที่เด่นชัดอีกอย่างของการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังคือมันสามารถสะท้อนถึงระดับการแข่งขันในตลาด หากสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเขตภาคการผลิตที่มีการแข่งขันสูงจนเกินไป ผู้ผลิตจะต้องเพิ่มการผลิตเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อกำไรและราคาในตลาดได้ นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงอาจทำให้ผู้ผลิตต้องลดการสำรองสินค้าคงคลังเพื่อลดค่าใช้จ่าย ทำให้มีความเสี่ยงต่อความเพียงพอในการรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นเฉียบพลัน การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังยังมีผลต่อการนำเข้าและส่งออก การเพิ่มสินค้าคงคลังอาจทำให้มีความต้องการนำเข้าวัตถุดิบมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อดุลการค้าของประเทศ ขณะที่หากสินค้าคงคลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แสดงว่าผู้ผลิตอาจพยายามลดการนำเข้าเพื่อลดค่าใช้จ่าย นอกจากนั้น การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังยังสามารถใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนธุรกิจได้ ผู้ประกอบการสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในความต้องการของตลาดและจัดการทรัพยากรในมืออย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังไม่เพียงแต่เป็นดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญ แต่มันยังมีผลกระทบต่อหลากหลายองค์ประกอบของระบบเศรษฐกิจ การประกอบธุรกิจ และนโยบายแห่งชาติ การศึกษาและการติดตามการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังนี้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และมีคุณค่ามากสำหรับผู้ที่ต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ที่ eulerpool เราขอนำเสนอข้อมูลการเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังที่มีคุณภาพ มีความแม่นยำ และละเอียด เพื่อให้คุณสามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการวิเคราะห์และตัดสินใจต่อธุรกิจและนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าคุณต้องการข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพใหญ่และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ eulerpool คือคำตอบ ข้อมูลที่ทันสมัยและเชื่อถือได้เป็นสิ่งที่เรายืนยันนำเสนอให้แก่คุณ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้เรานำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่เป็นมืออาชีพและเชื่อถือได้จาก eulerpool