ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇪🇪

เอสโตเนีย ดุลการค้า

ราคา

17.711 ล้าน EUR
การเปลี่ยนแปลง +/-
+16.54 ล้าน EUR
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+175.19 %

มูลค่าปัจจุบันของดุลการค้าใน เอสโตเนีย คือ 17.711 ล้าน EUR ดุลการค้าใน เอสโตเนีย เพิ่มขึ้นเป็น 17.711 ล้าน EUR เมื่อ 1/9/2563 หลังจากที่เป็น 1.171 ล้าน EUR เมื่อ 1/12/2553 จาก 1/1/2536 ถึง 1/4/2567 GDP เฉลี่ยใน เอสโตเนีย คือ -131.2 ล้าน EUR มูลค่าสูงสุดตลอดกาลถึงเมื่อ 1/10/2563 โดยมีมูลค่า 26.96 ล้าน EUR ในขณะที่มูลค่าต่ำสุดถูกบันทึกไว้เมื่อ 1/12/2565 โดยมีมูลค่า -544.87 ล้าน EUR

แหล่งที่มา: Statistics Estonia

ดุลการค้า

  • แม็กซ์

ยอดการค้า

ดุลการค้า ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/9/256317.711 ล้าน EUR
1/12/25531.171 ล้าน EUR
1/2/255316.516 ล้าน EUR
1/6/25363.49 ล้าน EUR
1/3/25364.4 ล้าน EUR
1/2/2536770,000 EUR
1/1/25361.89 ล้าน EUR
1

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ดุลการค้า

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇪🇪
กระแสเงินทุน
-199.7 ล้าน EUR47.1 ล้าน EURควอร์เตอร์
🇪🇪
การลงทุนตรงจากต่างประเทศ
-562.6 ล้าน EUR2.269 ล้านล้าน EURควอร์เตอร์
🇪🇪
การโอนเงิน
64.4 ล้าน EUR358.8 ล้าน EURควอร์เตอร์
🇪🇪
ดัชนีการก่อการร้าย
0 Points0 Pointsประจำปี
🇪🇪
ทองคำสำรอง
0.25 Tonnes0.25 Tonnesควอร์เตอร์
🇪🇪
นำเข้า
1.64 ล้านล้าน EUR1.754 ล้านล้าน EURรายเดือน
🇪🇪
นำเข้าก๊าซธรรมชาติ
5,996 Terajoule6,856 Terajouleรายเดือน
🇪🇪
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีเดินสะพัด
-124.6 ล้าน EUR206.5 ล้าน EURควอร์เตอร์
🇪🇪
ยอดบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
-2.1 % of GDP-3.2 % of GDPประจำปี
🇪🇪
ส่งออก
1.536 ล้านล้าน EUR1.469 ล้านล้าน EURรายเดือน
🇪🇪
หนี้สาธารณะต่างประเทศต่อจีดีพี
97 % of GDP90 % of GDPควอร์เตอร์
🇪🇪
หนี้สินต่างประเทศ
36.788 ล้านล้าน EUR34.068 ล้านล้าน EURควอร์เตอร์

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การส่งออกของเอสโตเนียเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ สินค้าส่งออกที่มีสัดส่วนมากที่สุดของเอสโตเนีย ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ (ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์เครือข่ายไร้สายและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานลม) ผลิตภัณฑ์แร่ และผลิตภัณฑ์เกษตรและการเตรียมอาหาร คู่ค้าส่งออกหลักคือ สวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย เนื่องจากเป็นรัฐขนาดเล็ก เอสโตเนียจึงต้องนำเข้าสินค้าหลายประเภท เช่นเดียวกับสินค้าที่อุปกรณ์เครื่องจักรและอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์แร่ และผลิตภัณฑ์เกษตรและการเตรียมอาหาร คู่ค้านำเข้าหลักคือ ฟินแลนด์ สวีเดน และเยอรมนี

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร ดุลการค้า

ความสมดุลทางการค้าหรือ Balance of Trade (BoT) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ใช้ในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระแสเงินเข้าและออกผ่านการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดความสมดุลทางการค้าของประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool ซึ่งเน้นไปที่การแสดงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในเชิงลึก บทความนี้จะนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับความสมดุลทางการค้าในประเทศไทยและการวิเคราะห์องค์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการคนี้ในรายละเอียด ความสมดุลทางการค้า หรือ Balance of Trade นั้นเป็นการคำนวณผลต่างของมูลค่าสินค้าและบริการที่ประเทศหนึ่งส่งออก (exports) กับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ประเทศนั้นนำเข้า (imports) การมีความสมดุลทางการค้าเป็นบวก (trade surplus) หมายถึงประเทศนั้นส่งออกมากกว่านำเข้า ในขณะที่การมีความสมดุลทางการค้าเป็นลบ (trade deficit) หมายถึงประเทศนั้นนำเข้ามากกว่าส่งออก ซึ่งสามารถมีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในด้านดีและด้านเสียขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากความสมดุลทางการค้านั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น สินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดโลกสามารถก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นแก่ประเทศผ่านการส่งออก ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินทูลหรือ foreign reserves การมีตะกร้าสินค้าที่หลากหลาย การมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่คุณภาพสูงสามารถช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกเช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและศุลกากรของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจโลกก็มีผลกระทบสำคัญต่อความสมดุลทางการค้า ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้าอาจทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันได้ หรือการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อราคาของสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศได้ ส่งผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าส่งออก ในเชิงนโยบาย ความสมดุลทางการค้าเป็นปัจจัยที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายการค้า การส่งเสริมการส่งออกเป็นหนึ่งในมาตรการที่สามารถใช้ในการปรับปรุงความสมดุลทางการค้า ได้ผ่านทางการให้เงินสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นเส้นทางคมนาคมและท่าเรือเพื่อให้กระบวนการส่งออกสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในด้านการนำเข้า แนวทางการปรับปรุงความสมดุลทางการค้าอาจรวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าที่มีลักษณะสามารถผลิตได้ในประเทศ, การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ ความสมดุลทางการค้ายังสามารถเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในขณะบางครั้ง ความสมดุลทางการค้าที่เป็นบวกสามารถช่วยหนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศนั้นมีความมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากน้อยเพียงใด และนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่จะส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งในภาคการส่งออกให้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ ในการประเมินและจัดการกับความสมดุลทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและถูกต้องสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางเว็บไซต์ Eulerpool ของเรามีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจในรูปแบบที่ง่ายต่อการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษาหรือวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคอย่างละเอียด สรุป คือ ความสมดุลทางการค้าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันสามารถช่วยให้สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก การทำความเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการกับความสมดุลทางการค้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว