ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร คิวบา อัตราเงินเฟ้อ
ราคา
ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน คิวบา คือ 30.48 % อัตราเงินเฟ้อ ใน คิวบา ลดลงถึง 30.48 % เมื่อ 1/7/2567 หลังจากที่เคยเป็น 30.78 % เมื่อ 1/6/2567 จาก 1/12/2548 ถึง 1/8/2567 GDP เฉลี่ยใน คิวบา อยู่ที่ 28.64 % สถิติสูงสุดตลอดกาลอยู่เมื่อ 1/12/2564 ที่ 77.3 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดจดบันทึกไว้เมื่อ 1/12/2551 ที่ 0.8 %
อัตราเงินเฟ้อ ·
แม็กซ์
อัตราเงินเฟ้อ | |
---|---|
1/12/2548 | 3.7 % |
1/12/2549 | 5.7 % |
1/12/2550 | 2.8 % |
1/12/2551 | 0.8 % |
1/12/2552 | 3.1 % |
1/12/2553 | 2.1 % |
1/12/2554 | 4.8 % |
1/12/2555 | 5.5 % |
1/12/2556 | 6 % |
1/12/2557 | 5.3 % |
1/12/2558 | 4.2 % |
1/12/2559 | 4.5 % |
1/12/2560 | 5.5 % |
1/12/2561 | 6.9 % |
1/12/2562 | 5.6 % |
1/12/2563 | 4.2 % |
1/8/2564 | 62.87 % |
1/9/2564 | 63.37 % |
1/10/2564 | 66.27 % |
1/11/2564 | 70.88 % |
1/12/2564 | 77.3 % |
1/1/2565 | 23.3 % |
1/2/2565 | 23.03 % |
1/3/2565 | 21.71 % |
1/4/2565 | 23.69 % |
1/5/2565 | 26.16 % |
1/6/2565 | 28.86 % |
1/7/2565 | 32.32 % |
1/8/2565 | 34.31 % |
1/9/2565 | 37.24 % |
1/10/2565 | 39.73 % |
1/11/2565 | 40.26 % |
1/12/2565 | 39.07 % |
1/1/2566 | 42.08 % |
1/2/2566 | 44.5 % |
1/3/2566 | 46.42 % |
1/4/2566 | 45.36 % |
1/5/2566 | 45.48 % |
1/6/2566 | 44.98 % |
1/7/2566 | 41.77 % |
1/8/2566 | 39.52 % |
1/9/2566 | 37.67 % |
1/10/2566 | 34.13 % |
1/11/2566 | 31.78 % |
1/12/2566 | 31.34 % |
1/1/2567 | 31.69 % |
1/2/2567 | 32.08 % |
1/3/2567 | 33.17 % |
1/4/2567 | 32.33 % |
1/5/2567 | 31.11 % |
1/6/2567 | 30.78 % |
1/7/2567 | 30.48 % |
อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/7/2567 | 30.48 % |
1/6/2567 | 30.78 % |
1/5/2567 | 31.11 % |
1/4/2567 | 32.33 % |
1/3/2567 | 33.17 % |
1/2/2567 | 32.08 % |
1/1/2567 | 31.69 % |
1/12/2566 | 31.34 % |
1/11/2566 | 31.78 % |
1/10/2566 | 34.13 % |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇨🇺 ตัวคูณ GDP | 1,212.4 points | 1,062.1 points | ประจำปี |
🇨🇺 อัตราเงินเฟ้อ MoM | 2.22 % | 2.69 % | รายเดือน |
ในประเทศคิวบา อัตราเงินเฟ้อวัดการเพิ่มขึ้นหรือลดลงโดยรวมของราคาสินค้าที่ผู้บริโภคจ่ายสำหรับตะกร้ามาตรฐานของสินค้า
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน อเมริกา
- 🇦🇷อาร์เจนตินา
- 🇦🇼อารูบา
- 🇧🇸บาฮามาส
- 🇧🇧บาร์เบโดส
- 🇧🇿เบลิซ
- 🇧🇲เบอร์มิวดา
- 🇧🇴โบลิเวีย
- 🇧🇷บราซิล
- 🇨🇦แคนาดา
- 🇰🇾หมู่เกาะเคย์แมน
- 🇨🇱ชิลี
- 🇨🇴โคลอมเบีย
- 🇨🇷คอสตาริกา
- 🇩🇴สาธารณรัฐโดมินิกัน
- 🇪🇨เอกวาดอร์
- 🇸🇻เอลซัลวาดอร์
- 🇬🇹กัวเตมาลา
- 🇬🇾กายอานา
- 🇭🇹ไฮติ
- 🇭🇳ฮอนดูรัส
- 🇯🇲จาไมก้า
- 🇲🇽เม็กซิโก
- 🇳🇮นิการากัว
- 🇵🇦ปานามา
- 🇵🇾ปารากวัย
- 🇵🇪เปรู
- 🇵🇷เปอร์โตริโก
- 🇸🇷ซูรินาม
- 🇹🇹ตรินิแดดและโตเบโก
- 🇺🇸สหรัฐอเมริกา
- 🇺🇾อุรุกวัย
- 🇻🇪เวเนซุเอลา
- 🇦🇬แอนติกาและบาร์บูดา
- 🇩🇲โดมินิกา
- 🇬🇩เกรนาดา
คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ