ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นที่ 2 ยูโร
Analyse
โปรไฟล์
🇧🇴

โบลิเวีย อัตราเงินเฟ้อ

ราคา

3.52 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
+0.06 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+1.72 %

ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน โบลิเวีย คือ 3.52 %. อัตราเงินเฟ้อ ใน โบลิเวีย เพิ่มขึ้นเป็น 3.52 % เมื่อ 1/5/2567 หลังจากที่เคยเป็น 3.46 % เมื่อ 1/4/2567. จาก 1/1/2511 ถึง 1/5/2567, GDP เฉลี่ยใน โบลิเวีย คือ 251.14 %. ค่าสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/9/2528 ที่ 23,464.36 % ขณะที่ค่าต่ำสุดเกิดขึ้นเมื่อ 1/10/2544 ที่ -1.27 %.

แหล่งที่มา: Instituto Nacional de Estadística de Bolivia

อัตราเงินเฟ้อ

  • แม็กซ์

อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/5/25673.52 %
1/4/25673.46 %
1/3/25673.06 %
1/2/25672.52 %
1/1/25671.86 %
1/12/25662.12 %
1/11/25661.59 %
1/10/25662.08 %
1/9/25662.85 %
1/8/25663.06 %
1
2
3
4
5
...
68

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇧🇴
CPI Transport
114.57 points112.25 pointsรายเดือน
🇧🇴
เงินเฟ้อด้านอาหาร
6.14 %6.64 %รายเดือน
🇧🇴
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
113.289 points112.58 pointsรายเดือน
🇧🇴
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง
108.88 points108.64 pointsรายเดือน
🇧🇴
ราคานำเข้า
162.62 points173.87 pointsควอร์เตอร์
🇧🇴
ราคาส่งออก
158.39 points158.34 pointsควอร์เตอร์
🇧🇴
อัตราเงินเฟ้อ MoM
0.5 %0.5 %รายเดือน

ในโบลิเวีย ส่วนประกอบหลักของดัชนีราคาผู้บริโภคประกอบด้วย: อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (27.4 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักรวม); การขนส่ง (12.5 เปอร์เซ็นต์); ที่อยู่อาศัยและบริการพื้นฐาน (11.1 เปอร์เซ็นต์) และร้านอาหารและโรงแรม (11.07 เปอร์เซ็นต์) สินค้าและบริการอื่น ๆ คิดเป็น 7.1 เปอร์เซ็นต์; เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์และบริการในครัวเรือน (6.7 เปอร์เซ็นต์); การพักผ่อนและวัฒนธรรม (6.3 เปอร์เซ็นต์) และเสื้อผ้าและรองเท้า (6.3 เปอร์เซ็นต์) สำหรับอื่น ๆ รวมถึง: การศึกษา (4.7 เปอร์เซ็นต์); การสื่อสาร (3.5 เปอร์เซ็นต์); การดูแลสุขภาพ (2.5 เปอร์เซ็นต์) และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ (0.9 เปอร์เซ็นต์) ดัชนีระดับประเทศมีฐานเท่ากับ 100 ณ ปี 2007 CPI สะท้อนถึงราคาสินค้าและรูปแบบการใช้จ่ายที่จดทะเบียนในเมืองหลวงของทั้งเก้าภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งเมืองเอลอัลโต

คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ