ASOS ประกาศขายหุ้นสำคัญในแบรนด์แฟชั่น Topshop และ Topman ให้กับ Anders Holch Povlsen มหาเศรษฐีชาวเดนมาร์ก ภายใต้ข้อตกลงมูลค่า 135 ล้านปอนด์ โดยการขายหุ้น 75% ของทั้งสองแบรนด์ให้แก่ Heartland ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของครอบครัว Povlsen ที่ถือหุ้นใน ASOS ทางอ้อม 28%

การทำธุรกรรมที่ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีทำให้หุ้นของ Asos เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด โดยขึ้นถึง 22.4 เปอร์เซ็นต์เป็น 450 เพนนีและปิดตลาดด้วยการเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ที่ 422.7 เพนนี ทำให้มูลค่าตลาดของ Asos สูงกว่า 500 ล้านปอนด์

การตัดสินใจขายเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาที่ Asos ต้องเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจหลังโรคระบาด รวมถึงการกลับมาของผู้บริโภคที่ร้านค้าแบบดั้งเดิมและผลกระทบจากค่าครองชีพสูงที่ลดการใช้จ่ายของผู้บริโภค

นอกเหนือจากธุรกรรมนี้ Asos ยังได้ประกาศแผนการรีไฟแนนซ์ บริษัทได้ประกาศว่ารายได้ต่อปีมีแนวโน้มที่จะ "ต่ำกว่าเล็กน้อย" จากการคาดการณ์ก่อนหน้าที่คาดว่าจะลดลงสูงสุดถึง 15 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ปรับแล้วคาดว่าจะอยู่ในช่วงบนของการคาดการณ์รวมระหว่าง 20 ล้านถึง 75 ล้านปอนด์

ภายใต้ข้อตกลงนี้ Asos จะยังคงถือครองหุ้นร้อยละ 22.5 หลังจากที่ได้บรรลุข้อตกลงกับเครือข่ายห้างสรรพสินค้าในสหรัฐฯ Nordstrom ซึ่งจะรับผิดชอบหุ้นที่เหลือร้อยละ 2.5

การขายเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพยายามของ Asos เพื่อปรับปรุงสถานการณ์ทางธุรกิจ หลังจากที่บริษัทได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับกำไรหลายครั้งและต้องทนรับกับการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แบรนด์ Topshop ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ได้สูญเสียการมองเห็นหลังจากที่ถูก Asos เข้าซื้อกิจการ, ตามรายงานของ Pippa Stephens นักวิเคราะห์อาวุโสที่ GlobalData. เธอมองว่าการขายครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีและคาดว่าการทำธุรกรรมจะช่วยให้แบรนด์กลับมาเป็นที่นิยมและน่าสนใจอีกครั้ง

José Antonio Ramos Calamonte ซีอีโอของ Asos ปฏิเสธแนวคิดที่ว่าภายใต้การนำของ Asos แบรนด์ต่างๆ จะถูกลืมเลือนไป เขากล่าวว่า "มันเป็นกระบวนการที่จะนำแบรนด์กลับมาเติบโตอีกครั้ง" ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Asos ได้ปรับปรุงทิศทางความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์ทั้งหมด ปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดให้ดีขึ้น ปรับปรุงคุณภาพของเสื้อผ้าและพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้จัดจำหน่าย