ปารากวัย อัตราเงินเฟ้อ
ราคา
ค่า อัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันใน ปารากวัย คือ 4.3 % อัตราเงินเฟ้อ ใน ปารากวัย ลดลงถึง 4.3 % เมื่อ 1/9/2568 หลังจากที่เคยเป็น 4.6 % เมื่อ 1/8/2568 จาก 1/1/2548 ถึง 1/9/2568 GDP เฉลี่ยใน ปารากวัย อยู่ที่ 5.17 % สถิติสูงสุดตลอดกาลอยู่เมื่อ 1/6/2551 ที่ 13.4 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดจดบันทึกไว้เมื่อ 1/6/2563 ที่ 0.5 %
อัตราเงินเฟ้อ
แม็กซ์
อัตราเงินเฟ้อ ประวัติศาสตร์
| วันที่ | มูลค่า |
|---|---|
| 1/9/2568 | 4.3 % |
| 1/8/2568 | 4.6 % |
| 1/7/2568 | 4.3 % |
| 1/6/2568 | 4 % |
| 1/5/2568 | 3.6 % |
| 1/4/2568 | 4 % |
| 1/3/2568 | 4.4 % |
| 1/2/2568 | 4.3 % |
| 1/1/2568 | 3.8 % |
| 1/12/2567 | 3.8 % |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ อัตราเงินเฟ้อ
| ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
|---|---|---|---|
🇵🇾 CPI Transport | 144.8 points | 146.8 points | รายเดือน |
🇵🇾 การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต | 4.6 % | 4.6 % | รายเดือน |
🇵🇾 เงินเฟ้อด้านอาหาร | 9.8 % | 8.8 % | รายเดือน |
🇵🇾 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) | 139.2 points | 139.3 points | รายเดือน |
🇵🇾 ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง | 120.2 points | 120.1 points | รายเดือน |
🇵🇾 ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน | 140.3 points | 140.4 points | รายเดือน |
🇵🇾 ต้นทุนการผลิต | 100.1 points | 100 points | รายเดือน |
🇵🇾 ตัวคูณ GDP | 147.19 points | 145.336 points | ควอร์เตอร์ |
🇵🇾 อัตราเงินเฟ้อ MoM | -0.1 % | 0.1 % | รายเดือน |
🇵🇾 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน | 5.2 % | 5.6 % | รายเดือน |
ในประเทศปารากวัย หมวดหมู่ที่สำคัญของดัชนีราคาผู้บริโภคได้แก่: อาหาร (32% ของน้ำหนักทั้งหมด), การขนส่ง (15%), ที่อยู่อาศัย, การบำรุงรักษาบ้าน & บริการ (9%). เครื่องเรือน & อุปกรณ์ครัวเรือนคิดเป็น 8%, สินค้าและบริการอื่น ๆ 7%, และสันทนาการ & วัฒนธรรม 6%. ส่วนที่เหลือประกอบด้วย: ร้านอาหาร & โรงแรม (6%), เครื่องแต่งกาย (5%), การดูแลสุขภาพ (4%), การศึกษา (4%), การสื่อสาร (3%), และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ & ยาสูบ (1%). ดัชนีระดับชาติมีฐานที่ 100 ณ เดือนธันวาคม 2017. ดัชนี CPI สะท้อนถึงราคาสินค้าและรูปแบบการใช้จ่ายที่ได้จดทะเบียนในเขตมหานครของอาซุนซิยง ซึ่งรวมถึง: อาซุนซิยง, ลูเก้, เฟร์นันโดเดลามอรา, ลัมบาเร, ซานลอเรนโซ และกาปิอาตา ซึ่งคิดเป็น 43.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเมืองในประเทศ.
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน อเมริกา
- 🇦🇷อาร์เจนตินา
- 🇦🇼อารูบา
- 🇧🇸บาฮามาส
- 🇧🇧บาร์เบโดส
- 🇧🇿เบลิซ
- 🇧🇲เบอร์มิวดา
- 🇧🇴โบลิเวีย
- 🇧🇷บราซิล
- 🇨🇦แคนาดา
- 🇰🇾หมู่เกาะเคย์แมน
- 🇨🇱ชิลี
- 🇨🇴โคลอมเบีย
- 🇨🇷คอสตาริกา
- 🇨🇺คิวบา
- 🇩🇴สาธารณรัฐโดมินิกัน
- 🇪🇨เอกวาดอร์
- 🇸🇻เอลซัลวาดอร์
- 🇬🇹กัวเตมาลา
- 🇬🇾กายอานา
- 🇭🇹ไฮติ
- 🇭🇳ฮอนดูรัส
- 🇯🇲จาไมก้า
- 🇲🇽เม็กซิโก
- 🇳🇮นิการากัว
- 🇵🇦ปานามา
- 🇵🇪เปรู
- 🇵🇷เปอร์โตริโก
- 🇸🇷ซูรินาม
- 🇹🇹ตรินิแดดและโตเบโก
- 🇺🇸สหรัฐอเมริกา
- 🇺🇾อุรุกวัย
- 🇻🇪เวเนซุเอลา
- 🇦🇬แอนติกาและบาร์บูดา
- 🇩🇲โดมินิกา
- 🇬🇩เกรนาดา
คืออะไร อัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์มหภาค ที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆมีค่าลดลงทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของค่าความมั่นคงของเงิน ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น ในบริบทของเศรษฐศาสตร์มหภาค อัตราเงินเฟ้อได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ และประชาชนทั่วไป อัตราเงินเฟ้อสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การวางแผนการลงทุน การกำหนดค่าแรง และการวางแผนการบริโภค ภาครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง เช่น การตั้งอัตราดอกเบี้ย การปรับเปลี่ยนภาษี และการใช้โครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นความท้าทายของนโยบายการเงินที่ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการกำหนดนโยบาย ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการเพิ่มของราคาสินค้าและบริการ ทางเศรษฐกิจพบว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และการบริโภคในระยะยาว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยหากไม่สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป หรือแม้แต่อัตราเงินฝืด (deflation) ก็สามารถส่งผลกระทบทางลบที่คล้ายคลึงกัน เพราะอาจทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลงเนื่องจากการคาดหมายของประชาชนว่า ราคาสินค้าและบริการจะลดลงในอนาคต ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ การวัดอัตราเงินเฟ้อมักใช้มาตรวัดที่เรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index, CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index, PPI) ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าและบริการในเศรษฐกิจ CPI มักใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ ส่วน PPI ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตขาย ส่วนประกอบสำคัญของอัตราเงินเฟ้อคือ มาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ถ้าอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ส่วนประกอบอีกอย่างคือ การเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ และค่าแรง ที่เพิ่มขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อราคาอย่างแน่นอน สำหรับเว็บไซต์ Eulerpool เราให้บริการข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วนและแม่นยำ การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างมีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ทีมงานของเรายังมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน ในภาพรวม การทำความเข้าใจและการติดตามอัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคลและระดับมหภาค การติดตามและการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่ในส่วนของการบริโภคและการลงทุน แต่ยังรวมถึงการตั้งนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับชาติ ดังนั้น Eulerpool จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมถึงการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและละเอียดที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ

