ตำนานนักลงทุนเลือกใช้ Eulerpool

Analyse
โปรไฟล์
🇱🇻

ลัตเวีย ตัวคูณจีดีพี (GDP)

ราคา

131.962 %
การเปลี่ยนแปลง +/-
+3.111 %
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง
+2.39 %

ค่าปัจจุบันของ ตัวคูณจีดีพี (GDP) ใน ลัตเวีย คือ 131.962 % ตัวคูณจีดีพี (GDP) ใน ลัตเวีย เพิ่มขึ้นเป็น 131.962 % เมื่อ 1/6/2568 หลังจากที่เป็น 128.851 % เมื่อ 1/3/2568 จาก 1/3/2538 ถึง 1/6/2568 ค่าเฉลี่ยของ GDP ใน ลัตเวีย คือ 74.87 % ค่าสูงสุดตลอดกาลคือวันที่ 1/12/2567 ที่ 132.49 % ในขณะที่ค่าต่ำสุดบันทึกไว้เมื่อ 1/3/2538 ที่ 32.15 %

แหล่งที่มา: Central Statistical Bureau of Latvia

ตัวคูณจีดีพี (GDP)

  • แม็กซ์

ตัวคูณ GDP

ตัวคูณจีดีพี (GDP) ประวัติศาสตร์

วันที่มูลค่า
1/6/2568131.962 %
1/3/2568128.851 %
1/12/2567132.486 %
1/9/2567125.602 %
1/6/2567128.355 %
1/3/2567124.468 %
1/12/2566126.51 %
1/9/2566123.826 %
1/6/2566123.254 %
1/3/2566126.887 %
1
2
3
4
5
...
13

ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ ตัวคูณจีดีพี (GDP)

ชื่อปัจจุบันก่อนหน้าความถี่
🇱🇻
CPI Transport
132.2 points134.1 pointsรายเดือน
🇱🇻
การเปลี่ยนแปลงราคาผู้ผลิต
0.5 %-0.6 %รายเดือน
🇱🇻
เงินเฟ้อด้านอาหาร
7.5 %6.9 %รายเดือน
🇱🇻
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
151.4 points151.8 pointsรายเดือน
🇱🇻
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ปรับเทียบแล้ว
151.76 points151.6 pointsรายเดือน
🇱🇻
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายรอง
159.9 points158.8 pointsรายเดือน
🇱🇻
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
139.29 points138.98 pointsรายเดือน
🇱🇻
ต้นทุนการผลิต
127.6 points126.4 pointsรายเดือน
🇱🇻
ราคานำเข้า
107.3 points107.2 pointsรายเดือน
🇱🇻
ราคาส่งออก
113.2 points113.4 pointsรายเดือน
🇱🇻
อัตราเงินเฟ้อ
4.1 %3.8 %รายเดือน
🇱🇻
อัตราเงินเฟ้อ MoM
-0.2 %0.1 %รายเดือน
🇱🇻
อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากัน YoY
4.1 %4.2 %รายเดือน
🇱🇻
อัตราเงินเฟ้อที่ปรับให้เข้ากันรายเดือน
0.1 %-0.2 %รายเดือน
🇱🇻
อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตรายเดือน
1 %-0.1 %รายเดือน
🇱🇻
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
3.5 %3.3 %รายเดือน

หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป

คืออะไร ตัวคูณจีดีพี (GDP)

GDP Deflator (ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) เป็นหนึ่งในดัชนีที่สำคัญที่สุดที่ถูกใช้ในวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค เป็นตัวชี้วัดเชิงตัวเลขที่ช่วยให้เราสามารถประเมินแนวโน้มของราคาและราคาเงินเฟ้อได้ โดยการแยกปัจจัยที่เป็นปริมาณการผลิตออกจากปัจจัยที่เป็นการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ และวัดการเปลี่ยนแปลงราคาของทุกสินค้าภายในประเทศเรื่องนี้มีความหมายอย่างมากในการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจมหภาค เนื่องจากสามารถช่วยให้ทางรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงนักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในภาคการศึกษาเศรษฐศาสตร์ การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศส่วนใหญ่จะถูกมองว่าเป็นสัญญาณหนึ่งของเงินเฟ้อ เนื่องจากหากราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะมีผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อสินค้าของผู้บริโภค และสร้างแรงกดดันให้กับธุรกิจในการกำหนดราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น GDP Deflator นั้นไม่เหมือนกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เนื่องจากมันไม่จำกัดแค่รายการของสินค้าหรือบริการที่ถูกกำหนดในตะกร้าสินค้า แต่จะคำนวณจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าทุกประเภทที่ถูกผลิตภายในประเทศดังนั้น มันจึงให้ภาพที่ครอบคลุมมากกว่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของราคาในเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังช่วยให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคาในภาคการผลิต การบริโภค การลงทุน และการค้าระหว่างประเทศในภาพรวม การคำนวน GDP Deflator ทำนั้นเรียบง่ายในทางทฤษฎี โดยเศรษฐกิจที่เป็นตัวแทนของการคำนวณนี้แสดงผ่านสมการ GDP Deflator = (nGDP / rGDP) * 100 ซึ่ง nGDP (Nominal GDP) คือมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเรียลมูลค่าปัจจุบันที่ยังไม่ได้ ปรับปรุงตามดัชนีเงินเฟ้อ ส่วน rGDP (Real GDP) คือมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ถูกปรับปรุงตามดัชนีเงินเฟ้อสมการนี้ทำให้เราสามารถแยกความแตกต่างระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิตและการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าได้อย่างง่ายดาย ความสำคัญของ GDP Deflator นั้นไม่สามารถประมาทได้ แน่นอนเราสามารถนำดัชนีนี้มาใช้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาวและระยะสั้น ตลอดจนการคาดการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อในอนาคต โดยทั่วไปดัชนีนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเปรียบเทียบระดับราคาของแต่ละช่วงเวลาสร้างความชัดเจนในการวิเคราะห์ว่าสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลามีแนวโน้มและสถานการณ์ที่เป็นอย่างไร นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน รวมไปถึงนักลงทุน จะใช้ GDP Deflator เพื่อวิเคราะห์ถึงความเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดได้ดียิ่งขึ้นตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่ต้องการวิเคราะห์การลงทุนในระยะยาวอาจจะมองหาสัญญาณที่แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของดัชนีนี้เนื่องจากมันสามารถบอกได้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะแข็งแรงขึ้นหรือมีความเสถียรและชัดเจนขึ้น แต่ในทางกลับกันหาก GDP Deflator ลดลง ก็อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ถึงการลดลงของระดับราคาสินค้าและบริการ ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบทางลบในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจ นอกจากนี้การวิเคราะห์ GDP Deflator ยังช่วยให้สามารถประเมินความสามารถในการบริโภคของประชาชนได้อย่างชัดเจนมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของดัชนีนี้สามารถสื่อถึงว่าประชาชนอาจจะมีความสามารถในการบริโภคน้อยลงเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคา ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงของความต้องการสินค้าบางประเภท สิ่งนี้ยังมีผลกระทบต่อการวางแผนการผลิตและการบริหารจัดการของธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มนี้ตามไปด้วย ในทำนองเดียวกัน GDP Deflator ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนในระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน เช่นการปรับอัตราดอกเบี้ย หรือการกำหนดนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้งบประมาณของรัฐบาลในการลงทุนในภาคส่วนต่างๆ จะต้องพิจารณาถึงดัชนีนี้อย่างถี่ถ้วนเพื่อให้การดำเนินนโยบายในแต่ละระดับมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นๆ สุดท้ายนี้ การทำความเข้าใจดัชนี GDP Deflator และการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องยังจำเป็นต้องอาศัยความตั้งใจและความระมัดระวังในการประมวลผล เนื่องจากเศรษฐกิจเป็นระบบที่มีความซับซ้อนการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและครบถ้วนมีความสำคัญอย่างมากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจและการวางแผนที่ดีที่สุดสำหรับทุกภาคส่วนของสังคม เว็บไซต์ eulerpool ของเรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอข้อมูลดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศพร้อมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ครอบคลุมและทันสมัย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญและใช้ในการวิเคราะห์เศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ