ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร สหราชอาณาจักร หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ราคา
ค่าสภาพปัจจุบันของหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน สหราชอาณาจักร คือ 79.5 % of GDP หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน สหราชอาณาจักร ลดลงเป็น 79.5 % of GDP เมื่อ 1/12/2566 หลังจากที่เคยเป็น 80.6 % of GDP ใน 1/9/2566 ตั้งแต่ 1/12/2509 ถึง 1/3/2567 ค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเฉลี่ยใน สหราชอาณาจักร อยู่ที่ 60.95 % of GDP ค่าสูงสุดตลอดกาลถึงในวันที่ 1/3/2553 กับ 98.2 % of GDP ในขณะที่ค่าสภาพต่ำสุดถูกบันทึกใน 1/6/2514 ด้วย 29.1 % of GDP
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ·
แม็กซ์
หนี้สินของครัวเรือนต่อ GDP | |
---|---|
1/12/2509 | 32.4 % of GDP |
1/3/2510 | 32.3 % of GDP |
1/6/2510 | 31.8 % of GDP |
1/9/2510 | 33.4 % of GDP |
1/12/2510 | 33.1 % of GDP |
1/3/2511 | 32.5 % of GDP |
1/6/2511 | 33.9 % of GDP |
1/9/2511 | 33 % of GDP |
1/12/2511 | 32 % of GDP |
1/3/2512 | 31.4 % of GDP |
1/6/2512 | 32.5 % of GDP |
1/9/2512 | 31.9 % of GDP |
1/12/2512 | 31.3 % of GDP |
1/3/2513 | 30.6 % of GDP |
1/6/2513 | 31.3 % of GDP |
1/9/2513 | 30.3 % of GDP |
1/12/2513 | 30.9 % of GDP |
1/3/2514 | 30 % of GDP |
1/6/2514 | 29.1 % of GDP |
1/9/2514 | 29.6 % of GDP |
1/12/2514 | 30.1 % of GDP |
1/3/2515 | 31.9 % of GDP |
1/6/2515 | 32.3 % of GDP |
1/9/2515 | 34.1 % of GDP |
1/12/2515 | 34.3 % of GDP |
1/3/2516 | 33.9 % of GDP |
1/6/2516 | 35 % of GDP |
1/9/2516 | 34.8 % of GDP |
1/12/2516 | 33.7 % of GDP |
1/3/2517 | 34.3 % of GDP |
1/6/2517 | 34.2 % of GDP |
1/9/2517 | 33.8 % of GDP |
1/12/2517 | 32.3 % of GDP |
1/3/2518 | 31.4 % of GDP |
1/6/2518 | 31.3 % of GDP |
1/9/2518 | 29.8 % of GDP |
1/12/2518 | 30.5 % of GDP |
1/3/2519 | 30.4 % of GDP |
1/6/2519 | 29.9 % of GDP |
1/9/2519 | 29.9 % of GDP |
1/12/2519 | 29.9 % of GDP |
1/3/2520 | 29.5 % of GDP |
1/6/2520 | 29.5 % of GDP |
1/9/2520 | 29.5 % of GDP |
1/12/2520 | 29.5 % of GDP |
1/3/2521 | 29.4 % of GDP |
1/6/2521 | 29.8 % of GDP |
1/9/2521 | 29.6 % of GDP |
1/12/2521 | 30 % of GDP |
1/3/2522 | 30.4 % of GDP |
1/6/2522 | 30.4 % of GDP |
1/9/2522 | 30.6 % of GDP |
1/12/2522 | 30.7 % of GDP |
1/3/2523 | 29.9 % of GDP |
1/6/2523 | 30.3 % of GDP |
1/9/2523 | 30.1 % of GDP |
1/12/2523 | 30.1 % of GDP |
1/3/2524 | 30.1 % of GDP |
1/6/2524 | 30.8 % of GDP |
1/9/2524 | 31.3 % of GDP |
1/12/2524 | 31.7 % of GDP |
1/3/2525 | 31.8 % of GDP |
1/6/2525 | 32.8 % of GDP |
1/9/2525 | 33.7 % of GDP |
1/12/2525 | 34.6 % of GDP |
1/3/2526 | 35 % of GDP |
1/6/2526 | 35.8 % of GDP |
1/9/2526 | 36.4 % of GDP |
1/12/2526 | 37.1 % of GDP |
1/3/2527 | 38.4 % of GDP |
1/6/2527 | 39.6 % of GDP |
1/9/2527 | 40.3 % of GDP |
1/12/2527 | 41.1 % of GDP |
1/3/2528 | 41.6 % of GDP |
1/6/2528 | 41.2 % of GDP |
1/9/2528 | 42.7 % of GDP |
1/12/2528 | 42.4 % of GDP |
1/3/2529 | 43.8 % of GDP |
1/6/2529 | 45.1 % of GDP |
1/9/2529 | 45.2 % of GDP |
1/12/2529 | 46.6 % of GDP |
1/3/2530 | 47.5 % of GDP |
1/6/2530 | 48.3 % of GDP |
1/9/2530 | 48.9 % of GDP |
1/12/2530 | 49.6 % of GDP |
1/3/2531 | 50 % of GDP |
1/6/2531 | 51.2 % of GDP |
1/9/2531 | 52.9 % of GDP |
1/12/2531 | 53.6 % of GDP |
1/3/2532 | 53.8 % of GDP |
1/6/2532 | 54.5 % of GDP |
1/9/2532 | 55.2 % of GDP |
1/12/2532 | 55.7 % of GDP |
1/3/2533 | 55.9 % of GDP |
1/6/2533 | 56.9 % of GDP |
1/9/2533 | 57.2 % of GDP |
1/12/2533 | 57.6 % of GDP |
1/3/2534 | 57.6 % of GDP |
1/6/2534 | 58.3 % of GDP |
1/9/2534 | 58.8 % of GDP |
1/12/2534 | 58.6 % of GDP |
1/3/2535 | 58.2 % of GDP |
1/6/2535 | 58.4 % of GDP |
1/9/2535 | 59 % of GDP |
1/12/2535 | 59 % of GDP |
1/3/2536 | 58.5 % of GDP |
1/6/2536 | 58.4 % of GDP |
1/9/2536 | 58.3 % of GDP |
1/12/2536 | 58.3 % of GDP |
1/3/2537 | 58.2 % of GDP |
1/6/2537 | 58 % of GDP |
1/9/2537 | 58.1 % of GDP |
1/12/2537 | 58.3 % of GDP |
1/3/2538 | 58.2 % of GDP |
1/6/2538 | 58.2 % of GDP |
1/9/2538 | 58.2 % of GDP |
1/12/2538 | 58.1 % of GDP |
1/3/2539 | 57.5 % of GDP |
1/6/2539 | 57.4 % of GDP |
1/9/2539 | 57.2 % of GDP |
1/12/2539 | 56.8 % of GDP |
1/3/2540 | 56.5 % of GDP |
1/6/2540 | 57 % of GDP |
1/9/2540 | 57.2 % of GDP |
1/12/2540 | 57.7 % of GDP |
1/3/2541 | 58.3 % of GDP |
1/6/2541 | 58.7 % of GDP |
1/9/2541 | 59.5 % of GDP |
1/12/2541 | 59.8 % of GDP |
1/3/2542 | 60.6 % of GDP |
1/6/2542 | 61.2 % of GDP |
1/9/2542 | 62.1 % of GDP |
1/12/2542 | 63.1 % of GDP |
1/3/2543 | 63.3 % of GDP |
1/6/2543 | 64.3 % of GDP |
1/9/2543 | 64.8 % of GDP |
1/12/2543 | 65.3 % of GDP |
1/3/2544 | 65.9 % of GDP |
1/6/2544 | 66.8 % of GDP |
1/9/2544 | 68 % of GDP |
1/12/2544 | 69.2 % of GDP |
1/3/2545 | 70.3 % of GDP |
1/6/2545 | 71.9 % of GDP |
1/9/2545 | 73.9 % of GDP |
1/12/2545 | 75 % of GDP |
1/3/2546 | 75.5 % of GDP |
1/6/2546 | 76.8 % of GDP |
1/9/2546 | 78.2 % of GDP |
1/12/2546 | 79.8 % of GDP |
1/3/2547 | 81.1 % of GDP |
1/6/2547 | 82.6 % of GDP |
1/9/2547 | 84.3 % of GDP |
1/12/2547 | 85.4 % of GDP |
1/3/2548 | 85.5 % of GDP |
1/6/2548 | 86.5 % of GDP |
1/9/2548 | 86.9 % of GDP |
1/12/2548 | 87.4 % of GDP |
1/3/2549 | 87.7 % of GDP |
1/6/2549 | 88.8 % of GDP |
1/9/2549 | 90.6 % of GDP |
1/12/2549 | 91.6 % of GDP |
1/3/2550 | 92.3 % of GDP |
1/6/2550 | 93.5 % of GDP |
1/9/2550 | 94.6 % of GDP |
1/12/2550 | 94.7 % of GDP |
1/3/2551 | 94.9 % of GDP |
1/6/2551 | 95.3 % of GDP |
1/9/2551 | 95.4 % of GDP |
1/12/2551 | 95.3 % of GDP |
1/3/2552 | 95.8 % of GDP |
1/6/2552 | 96.6 % of GDP |
1/9/2552 | 97.3 % of GDP |
1/12/2552 | 98.1 % of GDP |
1/3/2553 | 98.2 % of GDP |
1/6/2553 | 97 % of GDP |
1/9/2553 | 96.3 % of GDP |
1/12/2553 | 94.9 % of GDP |
1/3/2554 | 93.8 % of GDP |
1/6/2554 | 93.4 % of GDP |
1/9/2554 | 92.9 % of GDP |
1/12/2554 | 92.3 % of GDP |
1/3/2555 | 91.7 % of GDP |
1/6/2555 | 91.7 % of GDP |
1/9/2555 | 91.4 % of GDP |
1/12/2555 | 90.9 % of GDP |
1/3/2556 | 90.9 % of GDP |
1/6/2556 | 90.4 % of GDP |
1/9/2556 | 90.1 % of GDP |
1/12/2556 | 89.7 % of GDP |
1/3/2557 | 89 % of GDP |
1/6/2557 | 88.6 % of GDP |
1/9/2557 | 88.3 % of GDP |
1/12/2557 | 88.3 % of GDP |
1/3/2558 | 87.9 % of GDP |
1/6/2558 | 87.8 % of GDP |
1/9/2558 | 88.2 % of GDP |
1/12/2558 | 88.1 % of GDP |
1/3/2559 | 88.2 % of GDP |
1/6/2559 | 88.5 % of GDP |
1/9/2559 | 88.5 % of GDP |
1/12/2559 | 88.1 % of GDP |
1/3/2560 | 88.1 % of GDP |
1/6/2560 | 87.5 % of GDP |
1/9/2560 | 87.5 % of GDP |
1/12/2560 | 87.2 % of GDP |
1/3/2561 | 86.7 % of GDP |
1/6/2561 | 86.6 % of GDP |
1/9/2561 | 86.8 % of GDP |
1/12/2561 | 86.9 % of GDP |
1/3/2562 | 85.3 % of GDP |
1/6/2562 | 85.7 % of GDP |
1/9/2562 | 85.7 % of GDP |
1/12/2562 | 85.7 % of GDP |
1/3/2563 | 85.6 % of GDP |
1/6/2563 | 88.7 % of GDP |
1/9/2563 | 90.9 % of GDP |
1/12/2563 | 92.9 % of GDP |
1/3/2564 | 94.2 % of GDP |
1/6/2564 | 91.6 % of GDP |
1/9/2564 | 90.3 % of GDP |
1/12/2564 | 88 % of GDP |
1/3/2565 | 86.4 % of GDP |
1/6/2565 | 85.6 % of GDP |
1/9/2565 | 85.1 % of GDP |
1/12/2565 | 84.1 % of GDP |
1/3/2566 | 82.6 % of GDP |
1/6/2566 | 81.1 % of GDP |
1/9/2566 | 80.6 % of GDP |
1/12/2566 | 79.5 % of GDP |
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/12/2566 | 79.5 % of GDP |
1/9/2566 | 80.6 % of GDP |
1/6/2566 | 81.1 % of GDP |
1/3/2566 | 82.6 % of GDP |
1/12/2565 | 84.1 % of GDP |
1/9/2565 | 85.1 % of GDP |
1/6/2565 | 85.6 % of GDP |
1/3/2565 | 86.4 % of GDP |
1/12/2564 | 88 % of GDP |
1/9/2564 | 90.3 % of GDP |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇬🇧 CBI Vertriebshandel | 4 Net Balance | -27 Net Balance | รายเดือน |
🇬🇧 การใช้จ่ายของผู้บริโภค | 387.7 ล้านล้าน GBP | 387.026 ล้านล้าน GBP | ควอร์เตอร์ |
🇬🇧 การออมส่วนบุคคล | 10 % | 8.9 % | ควอร์เตอร์ |
🇬🇧 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค | -21 points | -20 points | รายเดือน |
🇬🇧 เครดิตสุทธิต่อบุคคล MoM | 4.156 ล้านล้าน GBP | 4.027 ล้านล้าน GBP | รายเดือน |
🇬🇧 ยอดขายปลีกเดือนต่อเดือnego | 1 % | 0.7 % | รายเดือน |
🇬🇧 ยอดขายปลีกที่ไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิง | -1.5 % | 2.9 % | รายเดือน |
🇬🇧 ยอดขายปลีกประจำปี | -0.2 % | 1.7 % | รายเดือน |
🇬🇧 ราคาน้ำมันเบนซิน | 1.75 USD/Liter | 1.81 USD/Liter | รายเดือน |
🇬🇧 รายได้ส่วนบุคคลที่ใช้ได้ | 410.995 ล้านล้าน GBP | 405.896 ล้านล้าน GBP | ควอร์เตอร์ |
🇬🇧 สินเชื่อบุคคล | 1.231 ล้านล้าน GBP | 1.352 ล้านล้าน GBP | รายเดือน |
🇬🇧 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร | 6.25 % | 6.25 % | รายเดือน |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇹ลิทัวเนีย
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP (Households Debt to GDP) เป็นดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ระดับหนี้สินของครัวเรือนในแต่ละประเทศเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP หนี้สินครัวเรือนหมายถึงการติดหนี้ทั้งหลายของครัวเรือนเช่นการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน การกู้ยืมเพื่อการบริโภค และบัตรเครดิต เปรียบเทียบกับผลผลิตทั้งหมดในเชิงเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งๆ ในภาพรวม การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนเมื่อเทียบกับ GDP อาจเป็นสัญญาณของหลายสิ่งหลายอย่างทั้งดีและไม่ดี สำหรับประเด็นดี การมีหนี้สินในระดับที่เหมาะสมสามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจด้วยการสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าทุน เช่น บ้านและรถยนต์ หรือการบริโภคในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม การมีหนี้สินครัวเรือนสูงเมื่อเทียบกับ GDP อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโดยรวม ความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนอาจลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินและการบริโภคสาธารณะ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากครัวเรือนมีภาระหนี้สินที่สูงเกินไป การวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ประการแรกคือระดับรายได้ของครัวเรือน หากรายได้ของครัวเรือนสูง การมีหนี้สินที่สูงก็อาจไม่เป็นปัญหาเท่าไร ประการที่สองคืออัตราดอกเบี้ย การกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำอาจทำให้ภาระหนี้สินของครัวเรือนดูไม่สูงเท่าที่คิด แต่หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้นภาระการชำระหนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยด้านความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานและความเสถียรของตลาดแรงงาน หากตลาดแรงงานมีเสถียรภาพสูงและอัตราการว่างงานต่ำ ครัวเรือนจะมีความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น ซึ่งทำให้หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ไม่เป็นปัญหามากนัก ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจชะลอตัวหรือมีความไม่แน่นอนสูง ครัวเรือนอาจพบว่าการชำระหนี้เป็นภาระหนักขึ้น ภายในบริบทของประเทศไทย ข้อมูลเรื่องหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนในอดีตแสดงให้เห็นถึงความต้องการการบริโภคและการกู้ยืมเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ทุน เช่นที่อยู่อาศัย แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงหากครัวเรือนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด หนี้สินครัวเรือนที่สูงอาจทำให้ครัวเรือนลดทอนการบริโภค ซึ่งอาจส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องมีมาตรการติดตามและควบคุมระดับหนี้สินครัวเรือนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายทางการเงิน เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ได้เพื่อลดภาระการชำระหนี้ของครัวเรือน และส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจคือการวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนในเชิงภูมิภาค การเปรียบเทียบหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ในแต่ละภูมิภาคสามารถเปิดเผยถึงแนวโน้มและปัจจัยเฉพาะที่มีผลต่อการกู้ยืม เช่น ค่าครองชีพและมูลค่าทรัพย์สินในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่างกัน ในยุคดิจิทัล การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงลึกกลายเป็นเรื่องที่สะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น เว็บไซต์เช่น eulerpool ซึ่งเชี่ยวชาญในการให้ข้อมูลทางแมโครเศรษฐกิจ สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การที่ข้อมูลนี้สามารถถูกวิเคราะห์และนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายจะช่วยให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจสามารถทำการตัดสินใจที่มีพื้นฐานจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การมีความรู้และการเข้าใจในแนวโน้มของหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการเงินและการลงทุนในระดับบุคคล การทำความเข้าใจถึงระดับหนี้สินของครัวเรือนในประเทศจะช่วยให้บุคคลสามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการเงินได้ดีขึ้น โดยสรุป หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP เป็นดัชนีที่มีผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย การติดตามระดับหนี้สินครัวเรือน การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบ และการใช้นโยบายทางการเงินที่เหมาะสมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและทันสมัยเช่นข้อมูลที่นำเสนอโดย eulerpool จะเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ