ทำการลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ
เริ่มต้นที่ 2 ยูโร ลิทัวเนีย หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ราคา
ค่า ปัจจุบันของ หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน ลิทัวเนีย คือ 21.89 % of GDP หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน ลิทัวเนีย เพิ่มขึ้นเป็น 21.89 % of GDP เมื่อ 1/9/2566 หลังจากที่เป็น 21.75 % of GDP เมื่อ 1/6/2566 จาก 1/12/2546 ถึง 1/12/2566, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศโดยเฉลี่ยใน ลิทัวเนีย คือ 22.34 % of GDP จุดสูงสุดตลอดกาลเกิดขึ้นเมื่อ 1/12/2552 ด้วย 32.64 % of GDP ขณะที่ค่าต่ำสุดถูกบันทึกเมื่อ 1/12/2546 ด้วย 4.82 % of GDP
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ·
แม็กซ์
หนี้สินของครัวเรือนต่อ GDP | |
---|---|
1/12/2546 | 4.82 % of GDP |
1/3/2547 | 6.11 % of GDP |
1/6/2547 | 7.16 % of GDP |
1/9/2547 | 8.12 % of GDP |
1/12/2547 | 9.04 % of GDP |
1/3/2548 | 9.93 % of GDP |
1/6/2548 | 11.02 % of GDP |
1/9/2548 | 12.36 % of GDP |
1/12/2548 | 13.77 % of GDP |
1/3/2549 | 15.3 % of GDP |
1/6/2549 | 17.12 % of GDP |
1/9/2549 | 18.83 % of GDP |
1/12/2549 | 20.46 % of GDP |
1/3/2550 | 21.66 % of GDP |
1/6/2550 | 23.52 % of GDP |
1/9/2550 | 25.37 % of GDP |
1/12/2550 | 26.49 % of GDP |
1/3/2551 | 26.94 % of GDP |
1/6/2551 | 27.69 % of GDP |
1/9/2551 | 28.39 % of GDP |
1/12/2551 | 28.42 % of GDP |
1/3/2552 | 28.75 % of GDP |
1/6/2552 | 29.14 % of GDP |
1/9/2552 | 31.18 % of GDP |
1/12/2552 | 32.64 % of GDP |
1/3/2553 | 32.21 % of GDP |
1/6/2553 | 31.7 % of GDP |
1/9/2553 | 30.71 % of GDP |
1/12/2553 | 29.64 % of GDP |
1/3/2554 | 28.81 % of GDP |
1/6/2554 | 27.92 % of GDP |
1/9/2554 | 27.11 % of GDP |
1/12/2554 | 25.76 % of GDP |
1/3/2555 | 25.12 % of GDP |
1/6/2555 | 24.75 % of GDP |
1/9/2555 | 24.32 % of GDP |
1/12/2555 | 23.61 % of GDP |
1/3/2556 | 23.23 % of GDP |
1/6/2556 | 22.95 % of GDP |
1/9/2556 | 22.68 % of GDP |
1/12/2556 | 22.35 % of GDP |
1/3/2557 | 21.93 % of GDP |
1/6/2557 | 21.69 % of GDP |
1/9/2557 | 21.64 % of GDP |
1/12/2557 | 21.47 % of GDP |
1/3/2558 | 21.48 % of GDP |
1/6/2558 | 21.77 % of GDP |
1/9/2558 | 22.16 % of GDP |
1/12/2558 | 22.3 % of GDP |
1/3/2559 | 22.32 % of GDP |
1/6/2559 | 22.45 % of GDP |
1/9/2559 | 22.74 % of GDP |
1/12/2559 | 22.79 % of GDP |
1/3/2560 | 22.54 % of GDP |
1/6/2560 | 22.62 % of GDP |
1/9/2560 | 22.66 % of GDP |
1/12/2560 | 22.35 % of GDP |
1/3/2561 | 22.19 % of GDP |
1/6/2561 | 22.43 % of GDP |
1/9/2561 | 22.59 % of GDP |
1/12/2561 | 22.6 % of GDP |
1/3/2562 | 22.48 % of GDP |
1/6/2562 | 22.67 % of GDP |
1/9/2562 | 22.8 % of GDP |
1/12/2562 | 22.96 % of GDP |
1/3/2563 | 22.8 % of GDP |
1/6/2563 | 23.58 % of GDP |
1/9/2563 | 23.89 % of GDP |
1/12/2563 | 24.14 % of GDP |
1/3/2564 | 24 % of GDP |
1/6/2564 | 23.9 % of GDP |
1/9/2564 | 23.75 % of GDP |
1/12/2564 | 23.42 % of GDP |
1/3/2565 | 23.14 % of GDP |
1/6/2565 | 22.86 % of GDP |
1/9/2565 | 22.43 % of GDP |
1/12/2565 | 21.8 % of GDP |
1/3/2566 | 21.65 % of GDP |
1/6/2566 | 21.75 % of GDP |
1/9/2566 | 21.89 % of GDP |
หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประวัติศาสตร์
วันที่ | มูลค่า |
---|---|
1/9/2566 | 21.89 % of GDP |
1/6/2566 | 21.75 % of GDP |
1/3/2566 | 21.65 % of GDP |
1/12/2565 | 21.8 % of GDP |
1/9/2565 | 22.43 % of GDP |
1/6/2565 | 22.86 % of GDP |
1/3/2565 | 23.14 % of GDP |
1/12/2564 | 23.42 % of GDP |
1/9/2564 | 23.75 % of GDP |
1/6/2564 | 23.9 % of GDP |
ค่าเฉพาะทางมหภาคที่คล้ายกันกับ หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ชื่อ | ปัจจุบัน | ก่อนหน้า | ความถี่ |
---|---|---|---|
🇱🇹 การใช้จ่ายของผู้บริโภค | 6.854 ล้านล้าน EUR | 7.334 ล้านล้าน EUR | ควอร์เตอร์ |
🇱🇹 การออมส่วนบุคคล | 4.85 % | 10.91 % | ประจำปี |
🇱🇹 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค | 6 points | 4 points | รายเดือน |
🇱🇹 เครดิตของภาคเอกชน | 26.176 ล้านล้าน EUR | 25.925 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇱🇹 ยอดขายปลีกเดือนต่อเดือnego | -4.3 % | 8.7 % | รายเดือน |
🇱🇹 ยอดขายปลีกประจำปี | 1.8 % | 5 % | รายเดือน |
🇱🇹 ราคาน้ำมันเบนซิน | 1.55 USD/Liter | 1.55 USD/Liter | รายเดือน |
🇱🇹 สินเชื่อบุคคล | 1.205 ล้านล้าน EUR | 1.182 ล้านล้าน EUR | รายเดือน |
🇱🇹 อัตราส่วนหนี้สินของครัวเรือนต่อรายได้ | 35.54 % | 36.24 % | ประจำปี |
หน้ามาโครสำหรับประเทศอื่นๆใน ยุโรป
- 🇦🇱อัลเบเนีย
- 🇦🇹ออสเตรีย
- 🇧🇾เบลารุส
- 🇧🇪เบลเยียม
- 🇧🇦บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
- 🇧🇬บัลแกเรีย
- 🇭🇷โครเอเชีย
- 🇨🇾ไซปรัส
- 🇨🇿สาธารณรัฐเช็ก
- 🇩🇰เดนมาร์ก
- 🇪🇪เอสโตเนีย
- 🇫🇴หมู่เกาะแฟโรe
- 🇫🇮ฟินแลนด์
- 🇫🇷ฝรั่งเศส
- 🇩🇪เยอรมัน
- 🇬🇷กรีซ
- 🇭🇺ฮังการี
- 🇮🇸เกาะ
- 🇮🇪ไอร์แลนด์
- 🇮🇹อิตาลี
- 🇽🇰โคโซโว
- 🇱🇻ลัตเวีย
- 🇱🇮ลิกเตนสไตน์
- 🇱🇺ลักเซมเบิร์ก
- 🇲🇰นอร์ทมาซิโดเนีย
- 🇲🇹มอลตา
- 🇲🇩โมลดอฟา
- 🇲🇨โมนาโก
- 🇲🇪มอนเตเนโกร
- 🇳🇱เนเธอร์แลนด์
- 🇳🇴นอร์เวย์
- 🇵🇱โปแลนด์
- 🇵🇹โปรตุเกส
- 🇷🇴โรมาเนีย
- 🇷🇺รัสเซีย
- 🇷🇸เซอร์เบีย
- 🇸🇰สโลวะเกีย
- 🇸🇮สโลวีเนีย
- 🇪🇸สเปน
- 🇸🇪สวีเดน
- 🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
- 🇺🇦ยูเครน
- 🇬🇧สหราชอาณาจักร
- 🇦🇩อันดอร์รา
คืออะไร หนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP (Households Debt to GDP) เป็นดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ระดับหนี้สินของครัวเรือนในแต่ละประเทศเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP หนี้สินครัวเรือนหมายถึงการติดหนี้ทั้งหลายของครัวเรือนเช่นการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน การกู้ยืมเพื่อการบริโภค และบัตรเครดิต เปรียบเทียบกับผลผลิตทั้งหมดในเชิงเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งๆ ในภาพรวม การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนเมื่อเทียบกับ GDP อาจเป็นสัญญาณของหลายสิ่งหลายอย่างทั้งดีและไม่ดี สำหรับประเด็นดี การมีหนี้สินในระดับที่เหมาะสมสามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจด้วยการสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าทุน เช่น บ้านและรถยนต์ หรือการบริโภคในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม การมีหนี้สินครัวเรือนสูงเมื่อเทียบกับ GDP อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโดยรวม ความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนอาจลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินและการบริโภคสาธารณะ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากครัวเรือนมีภาระหนี้สินที่สูงเกินไป การวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ประการแรกคือระดับรายได้ของครัวเรือน หากรายได้ของครัวเรือนสูง การมีหนี้สินที่สูงก็อาจไม่เป็นปัญหาเท่าไร ประการที่สองคืออัตราดอกเบี้ย การกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำอาจทำให้ภาระหนี้สินของครัวเรือนดูไม่สูงเท่าที่คิด แต่หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้นภาระการชำระหนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยด้านความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานและความเสถียรของตลาดแรงงาน หากตลาดแรงงานมีเสถียรภาพสูงและอัตราการว่างงานต่ำ ครัวเรือนจะมีความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น ซึ่งทำให้หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ไม่เป็นปัญหามากนัก ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจชะลอตัวหรือมีความไม่แน่นอนสูง ครัวเรือนอาจพบว่าการชำระหนี้เป็นภาระหนักขึ้น ภายในบริบทของประเทศไทย ข้อมูลเรื่องหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนในอดีตแสดงให้เห็นถึงความต้องการการบริโภคและการกู้ยืมเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ทุน เช่นที่อยู่อาศัย แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงหากครัวเรือนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด หนี้สินครัวเรือนที่สูงอาจทำให้ครัวเรือนลดทอนการบริโภค ซึ่งอาจส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องมีมาตรการติดตามและควบคุมระดับหนี้สินครัวเรือนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายทางการเงิน เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ได้เพื่อลดภาระการชำระหนี้ของครัวเรือน และส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจคือการวิเคราะห์หนี้สินครัวเรือนในเชิงภูมิภาค การเปรียบเทียบหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ในแต่ละภูมิภาคสามารถเปิดเผยถึงแนวโน้มและปัจจัยเฉพาะที่มีผลต่อการกู้ยืม เช่น ค่าครองชีพและมูลค่าทรัพย์สินในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่างกัน ในยุคดิจิทัล การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงลึกกลายเป็นเรื่องที่สะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น เว็บไซต์เช่น eulerpool ซึ่งเชี่ยวชาญในการให้ข้อมูลทางแมโครเศรษฐกิจ สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การที่ข้อมูลนี้สามารถถูกวิเคราะห์และนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายจะช่วยให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจสามารถทำการตัดสินใจที่มีพื้นฐานจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การมีความรู้และการเข้าใจในแนวโน้มของหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการเงินและการลงทุนในระดับบุคคล การทำความเข้าใจถึงระดับหนี้สินของครัวเรือนในประเทศจะช่วยให้บุคคลสามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการเงินได้ดีขึ้น โดยสรุป หนี้สินครัวเรือนต่อ GDP เป็นดัชนีที่มีผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย การติดตามระดับหนี้สินครัวเรือน การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบ และการใช้นโยบายทางการเงินที่เหมาะสมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและทันสมัยเช่นข้อมูลที่นำเสนอโดย eulerpool จะเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ